logo-heading

ในที่สุดการลุ้นแชมป์ ลา ลีกา สเปน 2019-20 ก็ไม่มีเรื่องพลิกล็อคดราม่าแต่อย่างใด เพราะสุดท้าย เรอัล มาดริด เป็นฝ่ายสานฝันได้สำเร็จ

วันนี้ทาง "ขอบสนาม" จะพาทุกท่านไปวิเคราะห์เจาะลึกกันว่า มันมีปัจจัยสำคัญอะไรบ้างที่เป็นตัวพา เรอัล มาดริด ประสบความสำเร็จกับแชมป์ ลา ลีกา สเปน สมัยที่ 34 ในหน้าประวัติศาสตร์

เกมรับ

เรอัล มาดริด ฤดูกาลนี้อาจไม่ใช่ปีที่ยิงระเบิดระเบ้อเหมือนกับยุคที่ยังมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อยู่ในทีม เพราะตัวความหวังการจบสกอร์มีแค่คนเดียวเท่านั้นนั่นคือ คาริม เบนเซม่า ที่ตอนนี้กดไปแล้ว 21 ประตู ส่วน เซร์คิโอ รามอส 10 ประตูที่ทำได้ส่วนใหญ่ก็มาจากจุดโทษทั้งนั้น ส่วนนอกนั้นไม่มีใครที่ทำได้เกิน 5 ประตูเลย พวก แกเร็ธ เบล, วินิซิอุส จูเนียร์ หรือแม้กระทั่ง เอแด็น อาซาร์ ก็ยิงได้แค่หยุ๋มหยิ๋มเท่านั้น แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญสู่ความสำเร็จในฤดูกาลนี้ก็คือการมีเกมรับที่แข็งแกร่งและเหนียวแน่นสุดๆ เล่นกันเป็นระบบระเบียบมาก ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี ซึ่งปกติทีมทีเสียประตูน้อยที่สุดในลีกขาประจำส่วนใหญ่เราจะเห็นสถิตินี้เป็นของ แอตเลติโก มาดริด แต่ปีนี้พวกโดนยัดไป 26 ประตู แต่ เรอัล มาดริด จนถึงตอนนี้พวกเขาเสียไปแค่ 23 ประตูเท่านั้น

ติโบต์ กูร์กตัวส์

การมีเกมรับที่แข็งแกร่งและเสียประตูน้อยมากๆ หนึ่งในความดีความชอบนั้นตกยกให้ ติโบต์ กูร์กตัวส์ ด้วยเหมือนกัน ที่ผ่านมาเราอาจจะเห็นพี่แกพลาดท่าบ่อย มีช็อตเหวอให้เห็นบ่อยๆ เล่นทำเอาเหล่าแฟนบอลในโซเชี่ยลด่าและเย้ยหยันกันมันส์มือเลยทีเดียว แต่ปีนี้เราว่าเขาไม่ได้นะครับ เพราะนี่คือส่วนสำคัญที่ช่วยให้ เรอัล มาดริด เสียไปน้อยที่สุดในลีกแค่ 23 ประตูเท่านั้นหลังผ่านไป 37 เกม และส่วน กูร์กตัวส์ พี่แกลงเฝ้าเสาไป 37 นัด เสียไป 20 ประตู และเก็บได้ถึง 18 คลีนชีท นับเป็นสถิติที่ดีกว่า มาร์ค-อันเดร แทร์ สเตเก้น (เฝ้าเสา 36 นัด เสีย 36 ประตู เก็บได้ 14 คลีนชีท) ของ บาร์เซโลน่า และ แยน โอบลัค (เฝ้าเสา 37 นัด เสีย 26 ประตู เก็บได้ 17 คลีนชีท) ของ แอตเลติโก มาดริด เสียอีก

นักเตะหลายคนช่วยยิง

ถึงแม้ เรอัล มาดริด จะมีแกนหลักในการพังประตูตอนนี้แค่ คาริม เบนเซม่า และ เซร์คิโอ รามอส และถึงแม้นักเตะคนอื่นจะกระจายกันยิงแบบน้อยนิด แต่หารู้ไม่ว่าตอนนี้มีผู้เล่นถึง 21 คนที่สามารถใส่ชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ดได้ใน ลา ลีกา ซีซั่นนี้ โดยคนล่าสุดที่ทำได้คือ แฟร์กล็องด์ เมนดี้ ที่ซัลโวในเกมบุกชนะ กรานาด้า 2-1 ถ้าไปดู บาร์เซโลน่า ที่ยิงไปแบบถล่มทลายเลยที่ 81 ประตู พวกเขาใช้ผู้เล่นทั้งหมด 16 คน และหลักๆ ก็มาจาก ลิโอเนล เมสซี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ถึงแม้นอกนั้นจะกระจายกันยิง แต่คนที่หวังผลได้นั้นกลับมีน้อยกว่า ทั้งที่ศักยภาพนักเตะชุดนี้ดีกว่า เรอัล มาดริด ด้วยซ้ำ หากวัดกันปอนด์ต่อปอนด์ หลายคนมองว่าถ้าดูจากตัวผู้เล่นก็รู้แล้วว่าใครเป็นแชมป์ >>> รวมภาพ! เรอัล มาดริด ฉลองแชมป์ ลา ลีกา สมัยที่ 34

บาร์ซ่า พลาดเอง

จริงๆ เรอัล มาดริด ก็ทรวดทรงองเอวไม่ได้ดูดีเลยเหมือนกันตั้งแต่ช่วงต้นซีซั่น จนเกิดเป็นคำถามว่า "พวกเขาจะไหวไหมในการลุ้นแชมป์กับ บาร์เซโลน่า ?" แต่สุดท้าย เรอัล มาดริด ก็เอาตัวรอดกลับมาอยู่ในจุดที่ควรจะเป็นได้ หลังหมดเบรกช่วง โควิด-19 จำได้ว่า เรอัล มาดริด อยู่อันดับต่ำกว่า บาร์เซโลน่า แต่ไปๆ มาๆ พอฟุตบอลกลับมาเตะอีกครั้ง เรอัล มาดริด กลายเป็นคนละทีมกับช่วงก่อนหน้านั้น เล่นแบบไม่มีความกลัวไม่มีความกดดัน และเต็มเปี่ยมไปด้วยความกระหาย สุดท้ายพวกเขาเก็บชัยชนะได้รัวๆ 10 นัดรวดจนเป็นแชมป์ในที่สุด แต่ผิดกับทาง บาร์เซโลน่า ถึงแม้ศักยภาพทีมชุดนี้จะดีกว่า แต่พวกเขาก็สะดุดพลาดท่าให้เห็นบ่อยๆ พอๆ กับ เรอัล มาดริด แต่สุดท้ายพวกเขาไม่สามารถรักษามาตรฐานของตัวเองเอาไว้ได้เลยทั้งซีซั่น ในช่วงเวลาสำคัญๆ พวกเขาก็ไม่สามารถเอาตัวรอดได้อย่างที่ใครๆ คิด คิดอะไรไม่ออกก็บอกแค่ เมสซี่ เท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นในศึกใหญ่ เอล กลาซิโก้ 2 นัดปีนี้พวกเขาก็พลาดให้ เรอัล มาดริด หมดเลย นัดแรกที่ คัมป์ นู ก็เสมอ ส่วนนัดเยือน เบร์นาเบว ก็แพ้ไปแบบหมดท่า มันก็สมแล้วแหละ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นพวกเขาไม่ควรเป็นแชมป์แบบสมเหตุสมผล

กุนซือ ปะทะ กุนซือ

การมาของ กีเก้ เซเตียน ตอนนี้หลายๆ คนคงเห็นพ้องตรงกันแล้วว่ามันไม่ได้ช่วยให้ บาร์เซโลน่า ดูดีขึ้นเลย เผลอๆ ทรงบอลจะดูแย่กว่ายุค เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ ด้วยซ้ำ สไตล์ของ บัลเบร์เด้ เน้นครองบอล เคาะไปเคาะมาก่อนเข้าทำอาจจะดูน่าเบื่อไปหน่อย แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยให้ทีมเอาตัวรอดได้บ่อยครั้ง ส่วน กีเก้ เซเตียน เราอาจจะเห็นเขาทำทีม เรอัล เบติส ได้ดีกับการมีเกมรุกที่จัดจ้าน แต่นั่นคือ เรอัล เบติส มันช่วยอะไร บาร์เซโลน่า ไม่ได้เลย เพราะเกมรุกของทีมมันดีอยู่แล้ว แต่คุณไม่ได้ทำให้ทีมมันดูน่ากลัวขึ้นเลยสักนิด มันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถคุม บาร์เซโลน่า ได้ ไม่เหมือน ซีเนดีน ซีดาน แค่พูดชื่อขึ้นมาก็ขนลุกแล้ว เขาพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าเขาคือยอดกุนซือ นอกจากเรื่องความสำเร็จ เขาสามารถรักษามาตรฐานของ เรอัล มาดริด ได้ดีในยุคที่ทีมไม่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แล้ว ถึงแม้ต้องใช้เวลานานหน่อยก็ตาม การวางหมากตัวผู้เล่น การวางระบบหรือแท็คติกต่างๆ เขาจัดการมันได้ดีมาก เชื่อว่าทุกคนจับต้องได้กับสิ่งนี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ ซีดาน มีบารมีและอิทธิพลที่สูงส่งมากพอที่สามารถจูงให้นักเตะเชื่อฟังได้ ไม่มีใครอยู่เหนือกว่าเขาซึ่งนี่คือสิ่งที่ เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ และ กีเก้ เซเตียน ไม่มี

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : Marca ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline