logo-heading

รอเพียงเปิดตัวอย่างเป็นทางการเท่านั้นสำหรับ ชาบี อลอนโซ่ กับบทบาทการเป็นกุนซือของ โบรุสเซีย มึนเซ่นกลัดบัค สโมสรในศึกบุนเดสลีกา เยอรมัน ภายหลังสื่อทุกสำนักรายงานตรงกันว่าดีลนี้มันลุล่วงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

ซึ่งก้าวเดินนี้ถือว่าสำคัญกับการจับงานโค้ชของเขาไม่ใช่น้อย เพราะนี่คือการคุมทีมในเวทีลีกระดับใหญ่ครั้งแรกของนายใหญ่วัย 39 ปี ภายหลังหันมาเดินทางเส้นทางสายนี้เมื่อราวๆ 3 ปีที่แล้ว ว่าแล้วเราลองมาย้อนดูไทม์ไลน์ของ อลอนโซ่ ในเส้นทางกุนซือกันหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง และมีโอกาสมาก-น้อย ขนาดไหนที่จะพาทัพ "สิงห์หนุ่ม" พุ่งชนกับความสำเร็จ

เริ่มต้นเส้นทาง

หลังจากหันหลังให้กับชีวิตนักฟุตบอลหลังจบฤดูกาล 2017 กับ บาเยิร์น มิวนิค เจ้าตัวก็เดินทางเข้าสู่บทบาทใหม่ทันทีงานแรกของมิดฟิลด์สายคลาสสิคผู้นี้คือการกลับไปยังบ้านหลังเก่าอย่าง เรอัล มาดริด ด้วยการคุมทีมรุ่นอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งนั้นถือว่าเป็นงานแรกในชีวิตโค้ชอย่างแท้จริงของเขา แม้ว่าจุดเริ่มต้นอาจจะไม่ใช่สโมสรใหญ่ หรือการคุมทีมหัวแถวของวงการ แต่นี่คือการปูทาง และสร้างพื้นฐานเก็บเกี่ยวประสบการณ์งานโค้ชที่ยอดเยี่ยมพอสมควร ซึ่งไม่นานหลังเข้ารับตำแหน่งเจ้าตัวก็พาทัพ "ราชันชุดขาว" ชุดเล็กกวาดแชมป์ลีกยุวชนของสเปนมาครองได้สำเร็จ ในรูปแบบที่ยังแข่งขันไม่จบเหลือโปรแกรมอีกถึง 3 เกมด้วยกัน หลังจากประสบความสำเร็จ และเป็นแชมป์แรกในฐานะผู้จัดการทีม อลอนโซ่ ก็โบกมือลา เรอัล มาดริด ชุดยู-13 ปี เพื่อโยกย้ายออกไปรับงานในระดับที่สูงกว่า อย่าง เรอัล โซเชียดาด ชุดเบ

กลับถิ่นเก่าที่เติบโต

อย่างที่เรียนไปว่า อลอนโซ่ ได้ตอบรับการคุมทีม เรอัล โซเซียดาด ชุดเบ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2019 พร้อมกับเซ็นสัญญาด้วยกันทั้งสิ้น 2 ปี ซึ่งจะว่าไปนี่คือการกลับมายังบ้านหลังเก่าของเขาอีกครั้ง เพราะสโมสรแห่งนี้เปรียบเสมือนศูนย์เพาะวิชาลูกหนังของ อลอนโซ่ ในอดีตเจ้าตัวได้โอกาสมาเป็นเด็กในอคาเดมี่ของ โซเชียลดาด พร้อมกับลงเล่นในทีมชุดใหญ่แห่งนี้มานานกว่า 4 ปี  "ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีส่วนช่วยพัฒนาอนาคตของ โซเชียลดาด และผมมีความสุขมากที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง ผมคิดว่ามันมีหลายเหตุผลที่ผมกลับมา ทั้งเหตุผลด้านกีฬาและเหตุผลส่วนตัว" "เป้าหมายของผมคือการสนุกไปกับงานด้านนี้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน ซึ่งสิ่งนั้นมันจะบอกผมวันต่อวัน ลา เรอัล เป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับผม ผมรู้สึกเหมือนได้กลับมายังบ้านอีกครั้ง" จากวันนั้นจนถึงวันนี้ตามสถิติที่มีการระบุไว้คือเจ้าตัวลงคุมทีมชุดบีของ โซเชียดาด ไปแล้วทั้งสิ้น 47 นัด จำแนกผลการแข่งขันออกมาได้ว่าชนะ 23 นัด เสมอ 12 นัด และแพ้ 12 นัด เฉลี่ยแล้วเก็บคะแนนไปทั้งสิ้น 1.72 คะแนน แน่นอนเมื่อมองไปที่ตัวเลขถือว่าเป็นสถิติที่ดูสวยงามไม่ใช่น้อย และมองลึกไปถึงรายละเอียด อลอนโซ่ เป็นกุนซือจำพวกที่ไม่จมอยู่กับความพ่ายแพ้นานนัก ตลอดกว่า 2 ปี โซเชียดาด ทีมนี้เคยแพ้ติดต่อกันสองเกมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และ 7 เกมล่าสุด พวกเขาสามารถกวาดชัยชนะมาครองได้มากถึง 6 นัดด้วยกัน ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงการมีจิตวิทยาการกระตุ้นลูกทีมให้ฮึดสู้จากความพ่ายแพ้ได้เป็นอย่างดี

สไตล์ฟุตบอล

เท่าที่ไปเปิดค้นประวัติดูฟุตบอลในศาสตร์ของ อลอนโซ่ มักยึดแบบแผน 4-2-3-1 เป็นหลัก และอาจเปลี่ยนไปยืน 4-3-3 บ้างตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเกม นอกจากนั้นดูแนวโน้มแล้วเขาเป็นคนที่ชื่นชอบฟุตบอลที่สวยงาม และสามารถผลิตสกอร์ได้อย่างเป็นกอบกำมากพอสมควร ตัวเลขกระทุ้งประตูคู่แข่งอยู่ที่ 78 ตุง จาก 47 นัด เฉลี่ยแล้วเกมนึงต้องมีประตูจากทีมของ อลอนโซ่ อยู่ที่ราวๆ 1.6 ประตู แต่อย่างว่าฟุตบอลในระดับล่างมันอาจจะยังวัดศักยภาพของตัวกุนซือได้ไม่มากนัก แต่มันก็พอเป็นแนวทางให้เขาได้เลือก และปรับใช้ว่าในอนาคตจะทำทีมไปในทิศทางไหน เพราะดูจากผลงานของ อลอนโซ่ กับสองทีมในระดับเยาวชนแล้วก็ต้องบอกว่าฝีมือ และมันสมองของเขาไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

มีไลเซนซ์เรียบร้อย

ย้อนกลับไปช่วงที่ อลอนโซ่ ประกาศเอาสตั๊ดไปแขวนเจ้าตัวที่รู้ทิศทางของตัวเองแล้วว่าจะเดินทางในสายงานโค้ชต่อในทันทีก็ได้ทำการไปเรียนโค้ชหลักสูตร “เอ ไลเซนซ์” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาต้องไปคุมทีมในระดับเยาวชนก็เพราะว่ากฎระเบียบที่ต้องผ่านงานคุมทีมเป็นเวลา 1 ปีก่อน เพื่อที่จะกำหนดเข้าในหลักสูตร “โปร ไลเลนซ์” ซึ่งตอนนี้ระยะเวลาก็ครบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เท่ากับว่า ชาบี อลอนโซ่ ได้มีใบประดับรับประกันแล้วได้ผ่านการอบรม พร้อมเป็นกุนซือในเกมระดับอาชีพแล้ว ไม่ต้องมีปัญหาในการทำเรื่อง หรือหาคนที่มี ไลเซนส์ มาคุมแทนแบบ โค้ชหนุ่มชื่อดังคนอื่น ๆ ที่มักจะมีปัญหาเรื่องนี้ 

เส้นทางต่อไปกับ กลัดบัค

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวที่แฟนบอลให้ความสนใจพอสมควรคือการที่ ชาบี อลอนโซ่ เตรียมโยกย้ายไปคุมทัพ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ในฤดูกาลหน้า เท้าความกันเสียหน่อยว่าเก้าอี้กุนซือของทัพ "สิงห์หนุ่ม" กำลังจะว่างลงหลังจากจบฤดูกาลนี้ เพราะ มาร์โก โรเซ่อ เทรนเนอร์คนปัจจุบันได้บรรลุข้อตกลงที่จะย้ายไปเป็นนายใหญ่ของ  โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในฤดูกาลหน้าเรียบร้อยแล้ว เลยทำให้ทางต้นสังกัดต้องมองว่าคนที่จะมาสืบอำนาจต่อ และตัวเลือกที่ชื่อ ชาบี อลอนโซ่ ก็ถือว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย เท่ากับว่าตอนนี้สื่อทุกเจ้ารายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า อลอนโซ่ รอเพียงการเปิดตัวในช่วงเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น ส่วนกับ เรอัล โซเชียลดาด เบ สัญญาก็กำลังจะหมดลงหลังจบซีซั่นนี้พอดี ทำให้การโยกย้ายในครั้งนี้มีมูล และน้ำหนักมากพอสมควรที่จะได้เห็นเขาคัมแบ็คมายังบุนเดสลีกาอีกครั้งในบทบาทที่แตกต่างไปจากเดิม

โอกาสพุ่งชนความสำเร็จ ?

นี่คงเป็นคำถามที่ตอบได้ยากที่สุดเลยก็ว่า สาเหตุหนึ่งเป็นเพราะขนาดทีมของ กลัดบัค รวมไปถึงตัวของ อลอนโซ่ เองก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์ในฟุตบอลระดับสูงเลย และอีกอย่างที่ต้องยอมรับบนลีกสูงสุดเยอรมันพวกเขามีพี่ใหญ่ที่เปรียบเสมือนเต้ยของวงการอย่าง บาเยิร์น มิวนิค ยืนขวางหน้าอยู่ ฉะนั้นแล้วถ้าอยากจะประสบความสำเร็จก็ต้องมีมาตรฐานที่ดีกว่า และสม่ำเสมอกว่าทัพ "เสือใต้" ให้ตลอดทั้งซีซั่น ส่วนในเรื่องของฟุตบอลถ้วยดูจากสถานการณ์ซีซั่นหน้า กลัดบัค น่าจะไม่ได้ไปลุยบอลถ้วยยุโรปเพราะด้วยอันดับในตารางคะแนนที่ตอนนี้รั้งอยู่อันดับ 10 น่าจะหมดสิทธิ์ลุ้นไปแล้ว แต่ยังมีเดเอฟเบ โพคาล ให้ได้ฝันถึง ซึ่งก็ไม่แน่ฟุตบอลรอบน็อคเอาท์แบบนั้นพวกเขาอาจจับพลัดจับผลูเอื้อมมือไปสัมผัสโทรฟี่แชมป์ก็เป็นได้ ส่วนเรื่องอนาคตก็อยู่ที่ฝีไม้ลายมือของกุนซือมาดคุณชาย ว่าเขาจะทำการปลุกยักษ์หลับอย่างทีม “สิงห์หนุ่ม”​ให้ตื่นขึ้นมาได้หรือไม่ และจะทำได้ดีขนาดไหน เมื่อได้ลงสู่สนามการคุมทีมระดับอาชีพ  ซึ่งตอนนี้ กลัดบัค กลายเป็นหนึ่งในทีมที่หลายคนให้ความสนใจ จับตามองในซีซั่นหน้าเป็นที่เรียบร้อย

- เปา ขอบสนาม -

logoline