อดีตนักเตะสัญชาติบราซิล ในฐานะตัวแทนสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ทีมในบุนเดสลีกาเยอรมนี ซึ่งเดินทางมาไทย เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ “ เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ธุรกิจจากเยอรมัน ที่เข้ามาปักหลักในไทยร่วม 25 ปี ให้ความมั่นใจว่า ฤดูกาลนี้ทีมจะทำผลงานได้ดี แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในตำแหน่งของเทรนเนอร์
โจวานเน่ เอลแบร์ วัย 47 ปี อดีตนักฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค ในบุนเดสลีกา เยอรมนี ซึ่งเดินทางมาที่ประเทศไทย ในฐานะตัวแทนของสโมสร บาเยิร์นมิวนิก เพื่อร่วมกิจกรรม 25 ปี เฮเฟเล่ ประเทศไทย “ค่ำคืนมหัศจรรย์ แห่งความสำเร็จ ที่มีร่วมกันมาและตลอดไป” ที่ทรูไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า นี่คือการเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ในฐานะตัวแทนของสโมสรบาเยิร์นมิวนิก ก่อนหน้านี้ เขาเดินทางมาไทย กับแคมเปญฟุตบอลเยาวชน ที่เสาะหานักฟุตบอลไปรับประสบการณ์ที่เยอรมันกับบาเยิร์น มิวนิก ทั้งการฝึกอบรมฟุตบอล และการแข่งขันในทัวร์นาเมนต์พิเศษ
ส่วนการเดินทางมาในครั้งนี้ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการร่วมแสดงความยินดี กับ บริษัท เฮเฟเล่ ( ประเทศไทย ) จำกัด ที่ครบรอบ 25 ปี กับการทำธุรกิจในประเทศไทย ในฐานะ ผู้จำหน่ายอุปกรณ์ เพื่อบ้าน และอาคาร ทั้งนี้ เฮเฟเล่ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศเยอรมนี นับจากปี 1923 และบาเยิร์นมิวนิก ต่างมีความสัมพันธ์ที่ดี และเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน ดังนั้นในวาระแห่งการเฉลิมฉลองที่ประเทศไทย การที่ได้เป็นตัวแทนบาเยิร์นมิวนิก มาร่วมแสดงความยินดี จึงถือเป็นโอกาสอันดี
การมาไทย ครั้งนี้ ยังช่วยตอกย้ำ ถึงความสัมพันธ์ ที่จะทำให้คนไทย หรือแฟนบอลบาเยิร์นมิวนิก ได้รับรู้ถึงความแน่นแฟ้น ระหว่าง 2 ฝ่าย คือ เฮเฟเล่ และบาเยิร์นมิวนิก ขณะเดียวกันในการเดินทางมาไทย ไม่ว่าจะเป็นโดยตัวเขาเอง หรือ อดีตนักฟุตบอล ที่ถือว่าเป็นตำนาน อย่างโลธาร์ มัทเทอุส ก่อนหน้านี้ คือการรับรู้ได้ ถึงการต้อนรับที่ดีจากแฟนบอลชาวไทย ที่ให้ความเชื่อมั่นต่อสโมสร
เจ้าของผลงาน ที่ลงรับใช้ต้นสังกัด 169 นัด ยิงไป 92 ประตู ระหว่างปี 1997-2003 สัญชาติบราซิล ให้ความมั่นใจว่า ฤดูกาลนี้ (2019-2020 ) บาเยิร์นมิวนิก จะยังคง ทำผลงาน ด้วยการรักษาแชมป์ฟุตบอลบุนเดสลีกา และแชมป์ฟุตบอลถ้วยเดเอฟเบโพคาล เอาไว้ได้ แม้ว่าในตารางบุนเดสลีกา ขณะนี้ บาเยิร์นมิวนิก จะทำผลงานรั้งอันดับที่ 4 ของตาราง จาก 18 ทีม แต่ก็เชื่อว่า ทีมจะทำผลงานจนกลับไปยังพื้นที่ของผู้นำในตารางได้อีกครั้ง
ฤดูกาลนี้ผลงานของบาเยิร์นมิวนิก ในช่วงต้นฤดูกาลอาจจะทำได้ไม่ดี จนทำให้สโมสรต้องแยกทางกับเทรนเนอร์ของทีมอย่าง นิโก้ โควัช แต่ส่วนตัวแล้ว ไม่อยากให้ทุกคนมองว่า เป็นความผิดของโควัช เทรนเนอร์ สัญชาติโครเอเชีย เพราะธรรมชาติจของนักฟุตบอล เมื่อคุ้นเคยกับใครมากไป ความย่อหย่อน หรือ ลดทอนความทุ่มเท อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยไม่รู้ตัว จะเห็นว่าเมื่อมีการเปลี่ยนเทรนเนอร์ มาเป็น ฮันส์-ดีเทอร์ ฟลิค อดีตนักฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ที่เข้าแทนที่ ความกระตือรือล้น ของนักฟุตบอลในทีมก็กลับคืนมา ทีมเริ่มเก็บชัยชนะในบุนเดสลีกา แบบหลายเกมติดต่อกัน
อดีตนักเตะสัญชาติบราซิล ในฐานะตัวแทนสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิก ทีมในบุนเดสลีกาเยอรมนี ซึ่งเดินทางมาไทย เพื่อร่วมแสดงความยินดีกับพันธมิตรทางธุรกิจ “ เฮเฟเล่ ประเทศไทย” ธุรกิจากเยอรมัน ที่เข้ามาปักหลักในไทยร่วม 25 ปี ระบุว่าสิ่งที่เขาอยากให้น้ำหนักมากกว่า ก็คือ อยากเห็นบาเยิร์นมิวนิก ทำผลงานกับเส้นทางของยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก เพื่อสร้างเกียรติประวัติให้กับสโมสร ในเวทียุโรป ส่วนบุนเดสลีกา กับ เดเอฟเบโพคาล ยังเชื่อมั่นว่า บาเยิร์นมิวนิก จะสานต่อผลงานเอาไว้ได้ ที่ผ่านมาการทำผลงานสะดุดลงไปบ้าง กับบางเกม แต่จะไม่มีผลกระทบต่อเป้าหมายที่จะไปสู่ความสำเร็จ เช่นที่เคยทำได้มาแล้วกับฤดูกาลที่ผ่านมา " แน่นอนผมยังเชื่อว่า”บาเยิร์น”จะรักษาแชมป์กับฤดูกาลนี้เอาไว้ได้ เช่นที่ทำผลงาน กับฤดูกาลที่ผ่านมา"
เอลแบร์ ยังให้ความเห็นถึงนักฟุตบอลเยาวชนไทย ด้วยว่า พวกเขากำลังมีโอกาสที่ดี กับการที่จะพัฒนาตัวเอง เพื่อก้าวไปสู่ความเป็นมืออาชีพ ด้วยการใช้ระยะเวลาที่สั้นลง เพราะจากประสบการณ์ในรอบ 4-5 ปี ที่เขาเห็นเยาวชนไทย เดินทางไปกับทัวร์นาเมนต์ต่างๆ ที่อลิอันซ์ อารีน่า ( สนามเหย้าของบาเยิร์น มิวนิก) นั่นคือสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่านักฟุตบอลระดับเยาวชนจากไทย มีการพัฒนา ฝีเท้าในแบบที่เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ทุกคนมีความกล้าที่จะแสดงออกในสนาม โดยที่ไม่รู้สึกกลัว ต่อนักฟุตบอลต่างชาติ และนี่คือคุณสมบัติที่ดี ที่จะช่วยยกระดับตัวแอง เพื่อการพัฒนาสู่ความเป็นมืออาชีพต่อไป
“ แน่นอนว่าหากมีโอกาส ผมจะกลับมาไทยอีก ผมชอบอาหาร และอากาศที่นี่ เพราะมันใกล้เคียงกับบ้านของผมที่ประเทศบราซิล ที่สำคัญผมได้รับการต้อนรับที่ดี จากแฟนบอลบาเยิร์นมิวนิกในไทย” เอลแบร์ กล่าวทิ้งท้าย



