logo-heading

ลิเวอร์พูล กำลังเจอวิกฤตถาโถมเข้ามาอย่างหนักหน่วง โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บของผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ก ล่าสุด โจ โกเมซ กองหลังตัวหลัก เข้ารับผ่าตัดรักษาปัญเดี้ยงบริเวณเอ็นหัวเข่าซ้าย ซึ่งต้องใช้เวลาพักฟื้นเกือบทั้งซีซั่น ตามรอย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แนวรับรุ่นพี่ ไปอีกหนึ่งคน

ยังไม่รวม เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ แบ็กขวาจอมลุย บาดเจ็บพักอีก 1 เดือน เรียกว่า หงส์แดง กำลังเจอเรื่องร้ายๆ พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก อย่างแท้จริง สัปดาห์หน้า พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ต้องกลับมาเตะอีกครั้ง ไหนจะมี ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาเอี่ยวด้วย 

ลิเวอร์พูล จะมีวิธีรับมือ และ เตรียมการอย่างไรบ้าง เมื่อต้องเจอปัญหาแนวรับพากันเดี้ยงเกือบยกทีม ลองมาหาทางออกไปด้วยกัน

  1. ประคบประหงม
ปกติแล้วเนี่ย เวลานักฟุตบอล เจอกับโปรแกรมโหดๆ ลงเตะกันถี่ๆ เหล่ากุนซือก็จะมีการใช้ระบบ "โรเตชั่น" หรือ สับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้เล่นลงสนาม เพื่อป้องกันความเหนื่อยล้า หรือ รักษาความฟิตให้เต็มสูบมากที่สุด แต่เวลานี้ คำนี้ คงไม่มีสามารถใช้กับ ลิเวอร์พูล ได้เลย ต้องบอกว่า มีผู้เล่นเหลือให้ใช้งาน ก็บุญแล้วทูลหัว ว่ากันตามตรง ตำแหน่งมิดฟิลด์ หรือ กองหน้า สำหรับขุมกำลัง หงส์แดง ไม่ใช่เรื่องน่าห่วง เพราะฟิตเต็มถังกันหลายคน และ มีผู้เล่นมากพอ ให้ทาง เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้หมุนเวียนใช้งานตามแท็คติค แต่กระนั้นสำหรับตำแหน่งกองหลัง ต้องดูแลประคบประหงม ให้ดีที่สุด ประหนึ่งได้นั่งเครื่องบิน ชั้นเฟิร์สคลาส โจเอล มาติป คือคนที่ควรรักษาให้ดีที่สุด เพราะนี่คือเซ็นเตอร์อาชีพคนเดียวที่เหลืออยู่ แต่ดูจากสถิติเตะ 1 นัด พัก 1 เดือน ฉะนั้น ลิเวอร์พูล จะให้เขาเจ็บยาวอีกไม่ได้แล้ว ต้องดูแลให้ดีๆ ส่วนดาวรุ่งก็แยกให้ชัดเจนว่าให้ใครเล่นรายการไหน อย่าง แนท ฟิลลิปส์ ก็ พรีเมียร์ลีก ยาวๆ ขณะที่ รีส วิลเลี่ยมส์ ก็ให้โอกาสบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก

นิค โป๊ป เล่าวินาที โกเมซ เดี้ยงเอง ร้องลั่นนอนจมกองพื้น (คลิกอ่าน)

  1. พักผู้เล่นตัวหลักในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ประทานโทษ ไม่ได้เป็นการดูหมื่น ดูแคลน รายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่อย่างใด นี่คือทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเวทียุโรป ซึ่ง ลิเวอร์พูล เอง ก็คว้าแชมป์มาครองได้แล้วถึง 6 สมัย ล่าสุดก็เมื่อ 2 ซีซั่นก่อนหน้านี้เอง แต่ด้วยความที่ หงส์แดง กำลังเจอวิกฤต กองหลังพิการอย่างหนัก ล่าสุดก็คือ โจ โกเมซ อย่างที่ได้ทราบกัน ฉะนั้นหากให้เดาใจ เจอร์เก้น คล็อปป์ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คือรายการที่เหมาะที่สุดแล้ว ในการเลือกพักผู้เล่นตัวหลัก และ ให้โอกาสกับดาวรุ่ง หรือ ตัวสำรอง ลงมายืดเส้นยืดสายบ้าง ด้วยเพราะ "หงส์แดง" ทำผลงาน ยูซีแอล ซีซั่นนี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม เก็บไป 9 คะแนนเต็ม จาก 3 นัด โอกาสเข้ารอบสดใสซาบซ่า เก็บได้อีก 3 แต้ม จาก 3 นัด ที่เหลือคงไม่มีปัญหา ฉะนั้นถ้าหากการันตีเข้าสู่รอบน็อคเอาท์แล้วล่ะก็ เลือกพักตัวเลือกได้เลย โดยเฉพาะ โจเอล มาติป ไม่ต้องส่งลงมา เก็บความสดไว้บู๊ใน พรีเมียร์ลีก และ ดัน รีส วิลเลี่ยมส์ จับคู่กับคนอื่นๆแบบเต็ม 90 นาที

ลิเวอร์พูล อัพเดต ฟาน ไดค์ ผ่าตัดเข่า ฉลุย ไร้กำหนดคัมแบ็ก (คลิกอ่าน)

  1. มีเป้าหมายชัดเจน และ ซื้อทันทีเมื่อตลาดเปิด
"เดอะ นอร์มอล วัน" เคยหล่นวาทะไว้สมัยตอนที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ บาดเจ็บใหม่ๆ ว่า ลิเวอร์พูล ไม่จำเป็นต้องซื้อแนวรับเข้ามาเสริมทัพ เพราะมีผู้เล่นอย่าง ฟาบินโญ่ ที่ถอยไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์แบ็กได้ แต่กระนั้น ฟาบินโญ่ มาเดี้ยงตามไปอีกคน และ ล่าสุดคือ โจ โกเมซ ไหนจะมี เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อีกคน เชื่อเถอะว่ายังไงคราวนี้ก็ต้องซื้อ เนื่องจาก 2 กองหลังอาชีพ อาจเดี้ยงยาวจนปิดซีซั่น เรื่องการเซ็นนักเตะใหม่ช่วงกลางฤดูกาล คงเป็นเรื่องที่สตาฟฟ์โค้ช หงส์แดง ไม่ได้เตรียมการมาก่อน เพราะหากเลือกได้ก็คงไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่ในเมื่อตอนนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เป็นงานของพวกเขาที่ต้องสรรหาว่าจะดึงใครเข้ามาเพื่อแก้วิกฤตกองหลังควงกันเดี้ยง ตอนนี้ รายชื่อนักเตะที่มีข่าวกับ ลิเวอร์พูล อย่างหนัก ประกอบด้วย ดาวิด อลาบา (บาเยิร์น มิวนิค) / โอซาน คาบัค (ชาลเก้ 04) หรือ เบน ไวท์ (ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน) หากต้องการได้ใครสักคน ควรจะต้องศึกษาให้รอบคอบไปเลย ทั้งสไตล์การเล่น, ค่าตัว และ อายุการใช้งาน มีเวลาทำการบ้านอีกประมาณเกือบๆ 2 เดือน เพื่อทำให้แน่ใจว่าจะได้นักเตะที่เล็งไว้ตามต้องการ

เมอร์ฟี่ย์ ร่ายเหตุผล อลาบา เป็นตัวเลือกที่โคตรใช่สำหรับ หงส์แดง (คลิกอ่าน)

  1. จัดตัวฟรีเอเย่นต์มารับมือ
ถ้านักเตะเก่งจริง คงไม่มีสถานะเป็นฟรีเอเย่นต์หรอก ถูกไหม ? แต่ด้วยสภาพทีมของ ลิเวอร์พูล ณ ตอนนี้ คงไม่มีทางให้เลือกเยอะมากนัก ครั้นจะไปรอเปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม ซึ่งกินเวลาอีกถึง 2 เดือน ก็ไม่รู้ว่านักเตะในทีม จะมีใครบาดเจ็บเพิ่มเติมอีกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมด้วยว่า โปรแกรม พรีเมียร์ลีก จะเตะแบบถี่จัดๆ ในช่วงเดือนธันวาคม โดยเฉพาะช่วง บ็อกซิ่ง เดย์ แถมยังมี ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากซีซั่นนี้ออกสตาร์ทล่าช้า เท่ากับว่าตั้งแต่ต้นธันวาคม ไปจนถึงวันที่ 2 มกราคม .. ลิเวอร์พูล ต้องลงเตะถึง 9 นัด !!! เทียบให้เห็นความถี่ เดือนพฤศจิกายน ยังเตะแค่ 5 นัด เท่านั้น เท่ากับว่า คล็อปป์ อาจจะต้องจำใจเซ็นสัญญากับนักเตะฟรีเอเย่นต์มาก่อน อย่างน้อย "กันไว้ดีกว่าแก้" ซึ่งนักเตะที่เคยมีชื่อเสียง โลดแล่นอยู่บนลีกสูงสุด ก็ประกอบด้วย เอเซเกล การาย อดีตแนวรับ บาเลนเซีย / คีเรียกอส ปาปาโดปูลอส เคยค้าแข้งกับ ชาลเก้ 04 และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น หรือ แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์ เสือเฒ่าเด็กเก่า สวอนซี ซิตี้ ขึ้นอยู่กับว่าจะมองพวกเขาแก่เกินไปหรือยัง
  1. เปลี่ยนระบบการเล่น
เจอร์เก้น คล็อปป์ ขึ้นชื่อลือชาอยู่แล้วในการเล่นระบบ 4-3-3 ที่คว้ามาทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือ เปลี่ยนมายืดหยุ่นแบบฉบับ 4-2-3-1 จากเกมเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 ซึ่งก็จะยึดระบบแผงแบ็กโฟร์อยู่เหมือนเดิม  แต่อย่างที่ทราบกัน แผงแบ็กโฟร์ตัวจริงของ ลิเวอร์พูล เจ็บไปถึง 3 คน ซึ่งพักยาว 2 คน ในแก้ปัญหาแบบปัจจุบันทันด่วน ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องเปลี่ยนระบบการเล่น โดยถ้าตอนนี้กองหลังคือปัญหา และ กลัวจะรั่วเป็นบ่อน้ำมัน คำถามคือจะกล้ามายืนในระบบเซ็นเตอร์ 3 คน หรือไม่ และ ถ่างอีก 2 คน ไปเป็นวิงแบ็ก แน่นอนว่าระบบนี้ แทบไม่เคยเห็นจากฝีมือของ คล็อปป์ และ จะเป็นเหมือนการเปิดโลกใหม่ของสาวก "เดอะ ค็อป" ด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่า คล็อปป์ จะเลือกใช้ระบบนี้หรือไม่ เพราะมีเวลาให้ได้ปรับกันไม่ถึง 2 สัปดาห์ วางตำแหน่ง กับ ความเข้าใจ เป็นสิ่งสำคัญมากๆ แต่มันก็เป็นอีกหนึ่งแท็คติคที่สามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เลย ยามที่ต้องเจอวิกฤตแบบนี้

ฮาย ฮาวดี้-

logoline