logo-heading

นับว่ามาเร็วกว่าที่คาดคิดเอาไว้ สำหรับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับการได้รับโอกาสยกระดับขึ้นมาเป็นกุนซือ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังเซ็นสัญญาย้ายจาก กลาสโกว์ เรนเจอร์ส มากุมบังเหียน แอสตัน วิลล่า เป็นระยะเวลา 3 ปีครึ่ง

เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววว่า สตีวี่ จี จะคัมแบ็กกลับมา เว้นแต่ว่าจะได้สานต่อเก้าอี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ในการเป็นโค้ชให้กับ ลิเวอร์พูล สโมสรที่เขาสร้างผลงานไว้จนเป็นตำนาน ซึ่งการย้ายมาอยู่กับ วิลล่า ก็เป็นบททดสอบสำคัญในชีวิตของ เจอร์ราร์ด เหมือนกัน เพราะมีอะไรให้เผชิญหลายอย่าง ไปดูกันว่าเขาจะต้องรับมือและเจอกับอะไรบ้าง ในการเป็นผู้จัดการทีม สิงห์ผงาด

1. แรงกดดัน

จะให้พูดว่า สตีเว่น เจอร์ราร์ด ประสบการณ์น้อยก็คงไม่ใช่ครับ เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา เขาได้ไปฝึกปรือวิชาลูกหนัง ในบทเรียนลีกสูงสุดของสกอตติช พรีเมียร์ชิพ กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส แบบเต็มๆ และ ถือว่าเป็นโค้ชที่ประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว เกินกว่าที่ใครหลายคนจะคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ ... โดยเฉพาะการพา เรนเจอร์ส เป็นแชมป์แบบไร้พ่าย อย่างไรก็ตาม การย้ายมาอยู่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทุกอย่างมันจะแตกต่างออกไป เพราะเวทีแห่งนี้ มันเขี้ยวกว่าทาง สก็อตแลนด์ อยู่หลายขุม มี สิงสาราสัตว์ ที่พร้อมจะกัดให้คุณไปนอนแดดิ้นได้ทุกเมื่อ คุณจะถูกจับจ้องอยู่ตลอดเวลา เมื่อใดที่คุณทำผิดพลาด จะมีหลายสิ่งหลายอย่าง คอยตามทับถมแบบไม่ว่างเว้น สตีวี่ จี โชว์ให้เห็นไปแล้วว่าเป็นคน "มีของ มีฝีมือ" แต่เขาจะปรุงแต่งให้ แอสตัน วิลล่า ขับเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีกว่าเดิมได้อย่างไร เมื่อเขาจะต้องมาดวลกับยอดโค้ชระดับโลก อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, เจอร์เก้น คล็อปป์, อันโตนิโอ คอนเต้, โธมัส ทูเคิ่ล หรือแม้กระทั่ง เดวิด มอยส์ ที่เห็นกันมาตั้งแต่ เจอร์ราร์ด ยังเป็นนักเตะ ดังนั้นการปะทะกับยอดโค้ชเหล่านี้ และ การพา วิลล่า บรรลุเป้าหมาย มันจะเป็นแรงกดดันเข้ามาหาตัว เจอร์ราร์ด มันจะเป็นบททดสอบซึ่งต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเขาพร้อมแล้วที่เติบโตเดินหน้าสร้างชื่อและความสำเร็จในอนาคต บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

2. เปลี่ยนสถานะจากลุ้นแชมป์ มาเป็น หนีตาย

จริงอยู่ที่การคุมทีมใหญ่ในลีกสกอตแลนด์ อย่าง เรนเจอร์ส มีโอกาสประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก เพราะคู่แข่งหนึ่งเดียวคือ กลาสโกว์ เซลติค ส่วนทีมอื่นๆอาจเป็นเหมือนไม้ประดับ แต่กระนั้นการคุมทีม เรนเจอร์ส มาแค่ 2 ปี และ โค่นบัลลังค์ เซลติค ที่ครองแชมป์มานานเกือบ 10 ปี ลงได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย และ ยิ่งเป็นแชมป์ไร้พ่าย เป็นผลงานที่ "ไม่ใช่ใคร ก็ทำได้" แต่กระนั้น เมื่อเขาตัดสินใจลาออกจาก เรนเจอร์ส ย้ายข้ามฟากมาอยู่กับ แอสตัน วิลล่า เป้าหมายทุกอย่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะขณะนี้ทัพ สิงห์ผงาด มีสถานะต้องหนีตกชั้น หลังจาก ดีน สมิธ โค้ชคนเก่า พาทีมแพ้ 5 นัดรวด ร่วงมาอยู่อันดับ 16 มีคะแนน เหนือโซนตกชั้นอยู่เพียง 2 แต้ม เท่านั้น เรียกว่าผลงานของ วิลล่า กำลังดิ่งลงเหว เรียกว่ายังกู่ไม่กลับ นับตั้งแต่ต้องเสีย แจ็ค กรีลิช นักเตะคนสำคัญของทีมไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยฝีมือที่เขาทำให้เห็นกับ เรนเจอร์ส คงจะต้องงัดวิชาออกมาใช้กับ วิลล่า อย่างเร่งด่วนที่สุด ทั้งสไตล์การเล่น, แพสชั่นของทีม โดยมีเป้าหมายคือห้ามตกชั้น ถึงแม้ แอสตัน วิลล่า ถือว่าเป็นสโมสรที่มีเงินรวยสุดติดอันดับ ท็อป เทน ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ก็ใช่ว่าการลงทุนจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จ เพราะกุนซือก็มีความสำคัญ โดยเฉพาะ "มันสมอง" การวางแท็คติค และ การแก้เกม ดังนั้น เจอร์ราร์ด จะถูกจับตามองว่า เขาจะสามารถพา วิลล่า บรรลุเป้าหมายหนีตกชั้นได้หรือไม่ และ ทำได้ดีมากแค่ไหน เขาจะเป็นเหมือน เดวิด มอยส์ ที่ขับเคลื่อนทีมระดับกลางๆอย่าง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ให้ขึ้นมาเป็นหัวตาราง หรือ จะมีอนาคตแบบ นูโน่ เอสปิริโต ซานโต ที่ขยับขึ้นสู่ทีมใหญ่อย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ก็ไปไม่รอด อันนี้ต้องมารอดูกัน

3. เสริมตัวผู้เล่น

อย่างที่บอกไปครับ แอสตัน วิลล่า เป็นสโมสรที่ร่ำรวยติดอันดับท็อป 10 ของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดย นาสเซฟ ซาวิริส เจ้าของร่วม มีทรัพย์สินอยู่ที่ประมาณ 5,300 ล้านปอนด์ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา สิงห์ผงาด จะใช้เงินเฉียดๆ 100 ล้านปอนด์ อยู่ตลอด อย่างซัมเมอร์ก่อน ก็จ่ายไปร่วมๆ 93 ล้านปอนด์ ในการเฟ้นหานักเตะหน้าใหม่ ฉะนั้น เจอร์ราร์ด คงมีงบให้ใช้สอยบานตะไท ในช่วงเปิดตลาดนักเตะเดือนมกราคม เพราะสมัยที่อยู่กับ เรนเจอร์ส ได้เงินช็อบผู้เล่นสร้างทีมแค่ราวๆ 30 ล้านปอนด์ ซึ่งก็เป็นไปตามโครงสร้างของสโมสร และ ลีกสก็อตแลนด์ ซึ่งส่วนใหญ่ สตีวี่ จี ก็ใช้สายสัมพันธ์กับ ลิเวอร์พูล ดึงตัวผู้เล่นมาใช้งานบ่อยๆ แต่กระนั้น เมื่อมา วิลล่า มีเงินให้ใช้จ่ายมากกว่า 5 เท่า 10 เท่า ก็อยู่ที่ เจอร์ราร์ด แล้วล่ะครับ จะมีมุมมองแบบไหน ปรับเปลี่ยนทีมอย่างไร ว่ากันว่านักเตะหน้าใหม่ ที่เตรียมกระชากตัวเข้ามา มีทั้ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน มิดฟิลด์ หงส์แดง และ ไรอัน เคนท์ นักเตะคู่บุญ ที่ดึงไปอยู่กับ เรนเจอร์ส มาด้วย ส่วนพวกตัวท็อปจะได้ใครมาไหม อันนี้ต้องรอติดตาม

4. ถูกเปรียบเทียบ

ไม่ว่าคุณจะยิ่งใหญ่แค่ไหน คุณก็ไม่สามารถรอดพ้นจากการเปรียบเทียบไปได้ ขนาด ลิโอเนล เมสซี่ ดาวเตะที่ยิ่งใหญ่คับฟ้า ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์มามากมาย ก็ยังคงถูกมองว่าไม่สามารถเทียบชั้นกับ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานผู้ล่วงลับแห่งทีมชาติอาร์เจนติน่า เจอร์ราร์ด ซึ่งเป็นคนมุ่งมั่น, ใส่ทุกดอกแบบไม่ยั้ง และ พร้อมเผชิญหน้ากับทุกอุปสรรค ด้วยสไตล์ของเขา เชื่อว่าแฟนบอล ลิเวอร์พูล ก็คงอยากเห็นฝีมือเต็มๆ เพื่อหวังนำไปเปรียบเทียบกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เรื่องฝีมือ และ ประสบการณ์อาจเป็นรอง "เดอะ นอร์มอล วัน" อยู่เยอะ แต่ สตีวี่ จี มักมีชื่อเป็นผู้สานต่อกุนซือ ลิเวอร์พูล หากถึงวันที่ คล็อปป์ ต้องวางมือไป ฉะนั้นเขาจะถูกจับจ้องเพ่งเล็ง ว่าดีพอจะก้าวมากุมบังเหียน หงส์แดง หรือไม่ นอกจากนี้ เจอร์ราร์ด ซึ่งถูกยกให้เป็นเต็ง 1 สำหรับกุนซือชาวอังกฤษ คนแรก ที่มีโอกาสนำสโมสรคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ในอนาคต แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น เขาก็จะถูกเปรียบเทียบและมองว่า มีฝีไม้ลายมือมากกว่าอดีตแข้งเพื่อนร่วมรุ่นอย่างไรบ้าง อาทิ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่เคยก้าวขึ้นมาคุมทีม เชลซี บนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาก่อนหน้า ก็โดนปลดออกจากตำแหน่ง เพราะไม่สามารถโชว์ผลงานที่ดีออกมาให้เห็นได้เลย โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คนที่จะเข้ามาปลุกปีศาจ แต่กลับกลายเป็นว่ากำลังโดนสาวก ปีศาจแดง ขับไล่พ้นเก้าอี้กุนซือ หลังจากผลงานกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ  แต่ก็ยังมีอีก 2 คน ที่ฟอร์มกำลังเด่นๆ อย่าง มิเกล อาร์เตต้า กุนซือ อาร์เซน่อล ที่พาต้นสังกัด ขึ้นมาจากเหวนรกจมบ๊วย ขึ้นมาลุ้นตำแหน่งท็อปโฟร์ได้อีกครั้ง รวมถึง ปาทริค วิเอร่า เฮดโค้ช คริสตัล พาเลซ ซึ่งฟอร์มกำลังขึ้นหม้อ ถึงขั้นปราบ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้ว

ดังนั้น เจอร์ราร์ด จะถูกเปรียบเทียบกับผลงาน 4 กุนซือ ที่กล่าวมานี้อย่างแน่นอน และ มารอดูกันว่า นายใหญ่คนใหม่ของ แอสตัน วิลล่า จะสามารถทำผลงานได้ดีกว่ามากน้อยแค่ไหน

ฮาย ฮาวดี้

logoline