ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีกระแสข่าวลือออกมาถึงเรื่องการย้ายไปค้าแข้งในเยอรมนีของชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะคนสำคัญของทีมชาติไทยของคอนซาโดเล ซัปโปโร
โดยต้นตอของข่าวลือมาจาก transfermarkt เว็ปที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลฟุตบอลและตัวเลขการย้ายทีม เปิดเผยว่า สตุ๊ตการ์ท แสดงความสนใจแข้งวัย 25 ปี เจ้าของฉายา "เมสซี่เจ" ก่อนที่สื่อหลายสำนักในประเทศจะเล่นข่าวกันยกใหญ่ ทั้งมีการสอบถามพ่อของนักเตะเอง รวมถึงบางสื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับนักเตะ ซึ่งสรุปก็คือเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ดี คงไม่ได้ย้ายทีมในเร็ววันนี้ เนื่องจากสัญญาที่มีกับซัปโปโร ก็ยังมีไปจนถึงปี 2021 แถมไอ้หนุ่มสามพราน นครปฐม ก็เป็นกำลังสำคัญของสโมสรดังแห่งฮอกไกโดซะด้วย คงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทีมดังจากแคว้นชวาเบน (ที่ตั้งของสโมสรสตุ๊ตการ์ท จะซื้อไปในราคาถูกๆ) จะว่าไปแล้วมันก็นานมากแล้วที่มีข่าวลือนักบอลไทยกับเรื่องราววงการบอลเมืองเบียร์ เพราะหนล่าสุดคือดัสกร ทองเหลาที่ได้ไปไกเซอร์สเลาเทิร์น เมื่อปี 2001 ขอบสนามร้อยเรียงเรื่องราวนักบอลไทยที่ได้มีเอี่ยวกับฟุตบอลแดนไส้กรอก เนื้อหาทุกอย่างพร้อมแล้ว เชิญอ่านได้ตามอัธยาศัย 1.วิทยา เลาหกุล นักเตะจากลำพูน ผู้มีบ็อบบี้ มัวร์ เป็นแรงบันดาลใจในการเล่นบอล จากแข้งเยาวชนนักเรียนไทย สู่ทำเนียบทีมชาติไทย ภายใต้สีเสื้อราชประชา ต่อยอดจนไปเล่นบอลในญี่ปุ่นกับ ยันมาร์ ดีเซล (เซเรโซ โอซาก้า) หลังเบื่อหน่ายกับการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นที่ตอนนั้นยังไม่มีลีกอาชีพ "ยา" หอบเสื้อผ้ากับเมืองไทย ในระหว่างเกมอุ่นเครื่องระหว่างทีมชาติไทย กับเอสปันญ่อล และฟอร์ทูน่า โคโลญจน์ สเกาต์ชาวเยอรมันเกิดประทับใจฝีเท้า หนุ่มเมืองเหนือและมุ่งตรงมาหา วิทยา เพื่อสอบถามความเป็นไปได้ในการไปที่แฮร์ธ่า เบอร์ลิน และสุดท้ายก็ตอบตกลงมุ่งหน้าสู่แผ่นดินเยอรมนี แต่ชีวิตในเมืองเบียร์มันไม่ได้ง่ายดาย ด้วยความที่มาจากประเทศที่ไม่ได้โด่งดังในเชิงลูกหนัง การยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมจึงแทบไม่มี แถมโดนกลั่นแกล้งสาระพัด แต่ก็ใช้ความรักที่มีต่อฟุตบอลสู้จนได้รับการยอมรับ แม้จะโดนครหาว่าเป็นแข้งตัวสำรองเล่นท้ายเกม แต่ถึงกระนั้นเขาไม่ได้ใส่ใจและมุ่งมั่นซ้อมเพือได้ทำตามสิ่งที่ฝัน 3 ปีที่แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เขาเลือกปักอยู่ในกินไส้กรอกมากกว่าจะย้ายไปนาโปลี เพื่อลิ้มรสฟุตบอลเมืองมักกะโรนี่ เมื่อสถานการณ์ในทีมหญิงชราไม่ดีขึ้น "เจ้ายา" จึงตัดสินใจไม่ต่อสัญญาและย้ายข้ามฟากเมืองมาสู่ดินแดนตะวันตก โดยเล่นให้กับ ซาร์บรุ๊คเค่น เมืองชนบท ในระดับโอเบอร์ลีก้า หรือ ดิวิชั่น 3 ของเยอรมัน เขาปักหลักเป็นตัวหลักตลอดระยะเวลา 3 ปี ได้เล่นบอลที่เขารักในยุโรปอย่างต่อเนื่อง ม้จะเป็นทีมระดับล่างไม่ได้เป็นขาใหญ่ในบุนเดสลีกา แต่นั้นก็ทำให้เขามีชื่อติดเป็น 11 นักเตะยอดเยี่ยมแทบทุกสัปดาห์ นอกจากนี้ช่วงเวลาที่ว่างเว้น วิทยา ยังไปศึกษาเล่าเรียนศาสตร์ตำราลูกหนังจนได้รับA-License จนผันตัวเองมาทำหน้าที่โค้ชฟุตบอลอาชีพที่เขาได้ฝันเอาไว้ 2.ดุสิต เฉลิมแสน ไอ้หนุ่มจากสกลนคร ที่มีเท้าซ้ายเป็นอาวุธเด็ด พี่แกเก่งกาจในเรื่องการวางบอลสั้นยาว เพราะเขามีเฉลิมวุฒิ สง่าผล เป็นต้นแบบนั้นเอง เขาคือมิดฟิลด์ตัวรุกที่จัดอยู่แถวหน้าวงการลูกหนังไทยในช่วงต้นยุค 90 ก่อนที่คำครหาเรื่องล้มบอลในการแข่งขันชิงแชมป์ ยู-19 ที่ยูเออี เมื่อปี 1992 (พ.ศ.2535) ชุดที่แพ้เกาหลีใต้ 1-8 ดุสิต ถูกกล่าวหาจากแฟนบอลและสื่อมวลชนในยุคนั้น และมันทำให้เขาปิ่วออกจากทีมชาติไปพักใหญ่ ทั้งที่ความจริง "เดอะโอ่ง" ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ช่วงที่หลุดจากทีมชาติไปราว 2 ปี มันทำให้เมื่อกลับมาติดธงไทยในปี 1995 เขาถูกปรับเปลี่ยนบทบาทให้มายืนเป็นแบ็กซ้าย ปรากฏว่าสอบผ่านและปักหลักตำแหน่งดังกล่าวเรื่อยมาจนถึงปี 2004 ช่วงปี 1996-1998 เรียกว่าเป็นไทม์ไลน์ที่ดีสุดของดุสิต เพราะเขาประสบความสำเร็จมากมายในระดับชาติ ทั้งแชมป์อาเซียน คัพ สมัยแรก ปี 1996, ติดทีมไปแข่งเอเชียน คัพ 1996 รอบสุดท้าย, เป็นนักเตะดาราเอเชีย ปี 1997, คว้าอันดับ 4 เอเชียน เกมส์ แถมยังได้ออกจากค้าแข้งในต่างประเทศกับโมฮัน บากัน ในประเทศอินเดีย แต่ใครจะรู้บ้างละ ว่าผู้ชายคนนี้เคยได้รับการทาบทามจากสโมสรบาเยิร์น มิวนิค ให้ไปทดสอบฝีเท้าในช่วงปี 1996 น่าเสียดายที่เรื่องดังกล่าวไม่เกิดขึ้น เนื่องจากการทำเรื่องของสมาคมฟุตบอลไทยในยุคนั้นที่ติดต่อกับต่างชาติในเรื่องเอกสารยังไม่ดีนั้นเอง 3.โกวิทย์ ฝอยทอง "เจ้าของฉายาซิกล้วย" แบ็กซ้ายจอมฟิตจากอำเภอกุมภวาปี ในอุดรธานี เขาใฝ่ฝันอยากเป็นนักวิ่ง โดยที่ไม่เคยมีความคิดจะเป็นฟุตบอล จนเมื่อได้เห็นวิทยา เลาหกุลและปิยะพงษ์ ผิวอ่อน ทางโทรทัศน์และตัดสินใจเปลี่ยนมาเล่นฟุตบอล หลังหันเหเข้ามาสู่เมืองกรุง "เอ๋" ชื่อเล่นจริงๆของ โกวิทย์ มาศึกษาต่อที่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ และถูกชักชวนให้มาเล่นบอลถ้วยพระราชทาน ประเภท ค. กับสโมสรทรัพย์สินส่วนพรเอ็มเร่