logo-heading
หากพูดถึงชื่อกองหน้าตัวพริ้ววันเดอร์คิดชาว นอร์เวย์ ทุกคนจะนึกถึงชื่อของเจ้าหนู มาร์ติน โอเดการ์ด ที่วงการลูกหนังจับตามอง ด้วยฟอร์มการเล่นสุดจี๊ดจ๊าดน่าหลงใหล หลายฝ่ายคาดว่าเขาจะกลายมาเป็นแข้งระดับโลกในอนาคต แต่ทว่ามันก็มีหลายปัจจัยที่ทำให้เจ้าหนูรายนี้ค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไป โอเดการ์ด เองต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก จากแข้งพรสวรรค์ดาวรุ่งพุ่งแรงเฉิดฉายมีออร่า เป็นดาวดับในช่วงเวลาอันสั้น แต่ทว่าล่าสุดกับการกลับมาเล่นใน ลาลีกา สเปน กลายเป็น โอเดการ์ด กลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง และนี่คือเส้นทางชีวิตของเจ้าหนูดาวรุ่งแข้งตัวยืมของ เรอัล โซเซียดาด รายนี้ 1. จุดเริ่มต้นอันยิ่งใหญ่ของเจ้าหนูวัย 19 ปี ต้นกำเนิดการค้าแข้งในการเล่นฟุตบอลสโมสรของเด็กหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในความพริ้วไหวเริ่มมาจากการเข้ามาเป็นเด็กเยาวชนในสโมสร สตรอมก็อดเซ็ต ในประเทศ นอร์เวย์ เขาเริ่มฝีกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ของ สตรอมก็อดเซ็ต ในปี 2012 ด้วยวัยเพียง 13 ปีเท่านั้น และลงเล่นกับทีมเยาวชนให้กับ สตรอมก็อดเซ็ต ทั้งในชุดยู 17 และยู 19 ด้วยช่วงอายุ 14 ปี ในปี 2014 เจ้าตัวก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมชุดใหญ่ทั้งที่ยังไม่ได้มีการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพจากสโมสรแต่ด้วยกฎและความถูกต้อง คือ นักเตะต้องลงฟาดแข้งได้ก็ต่อเมื่อมีสัญญาอาชีพเท่านั้น จึงทำให้เด็กหนุ่มนอร์เวย์มีโอกาสลงเล่นเพียง 3 นัดต่อฤดูกาลเท่านั้น ซึ่งทำให้ โอเดการ์ด ไม่สามารถฝึกซ้อมในช่วงกลางวันกับ สตรอมก็อดเซ็ต ได้เนื่องจากเขายังต้องเข้าเรียนภาคบังคับ จึงไปฝากท้องฝึกซ้อมกับทีมกึ่งอาชีพในดิวิชั่น 1 อย่าง เอ็มยอนดาเลน ในตอนนั้น โดยมีพ่อของเจ้าตัวเป็นสตาฟฟ์โค้ชอยู่ในนั้นด้วย อย่างไรก็ตามต้นสังกัดส่งเขาประเดิมสนามในเกมฟาดแข้งกับ อาเลซุนด์ ในลีกนอร์เวย์ ด้วยวัย 15 ปี กลายเป็นแข้งที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ลงเล่นและยิงประตูได้บนเวที นอร์เวย์ ทิปเปลีเก้น ในเวลาต่อมาเจ้าหนุ่มหน้าหล่อก็โดนจับเซ็นสัญญาอาชีพได้สมใจหวัง และพาต้นสังกัดเก็บแต้มคว้าชัยจบฤดูกาลที่อันดับ 4 คว้าตั๋วเข้าไปเล่นรอบคัดเลือกรอบแรกในศึก ยูโรปาลีก ขณะที่เจ้าหนูมหัศจรรย์ยังฝากฝังผลงานอันโดดเด่นด้วยการยิง 5 ประตูกับ 7 แอสซิสต์จากการลงเล่น 23 นัด 2. ก้าวขึ้นสู่ทีมชาติ ด้วยทักษะสกิลของ มาร์ติน ที่โดดเด่นเกินอายุทำให้บรรดาสื่อชื่อดังในประเทศ นอร์เวย์ ต่างพากันประโคมให้ผลักดันเด็กหนุ่มรายนี้ก้าวขึ้นสู่การเล่นให้กับทีมชาติ นอร์เวย์ โดย ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ ตำนานแบ็คซ้ายตีนหนักของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ลงช่วยทีมชาตินอร์เวย์มากที่สุดรู้สึกประทับใจในฟอร์มอันโดดเด่นสมคำล่ำลือจนเรียกร้องให้เรียกตัว โอเดการ์ด มาลงหาประสบการณ์ในทีมชาติให้จนได้ ซึ่งอดีตผู้จัดการทีมชาตินอร์เวย์อย่าง นีลส์ โยฮัน เซมบ์ ก็ไม่ทำให้แฟนๆ ชาวนอร์วีเจี้ยนผิดหวังจัดการเรียกตัวมาเข้าแคมป์ทีมชาติเป็นที่เรียบร้อยตามต้องการ ด้วยอายุเพียง 15 ปีในตอนนั้น ทำให้เขาทำลายสถิติเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นให้กับทีมชาติ นอร์เวย์ และยังทำลายสถิติเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงเล่นในศึกยูโรปี 2016 ด้วยวัยเพียง 16 ปีอีกด้วย โดยลงเล่นให้ทีมชาติทั้งสิ้น 12 เกม 3. จุดสูงสุดในชีวิต เจ้าของฉายา “เมสซี่คนใหม่” ของวงการฟุตบอล ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยด้วยสไตล์การเล่นที่พริ้วไหวคล่องแคล่ว แถมยังจ่ายบอลได้แม่นยำสมคำล่ำลือมีหรือที่ทีมยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปจะไม่จับตามองเขา โชคชะตาเป็นใจเหมือนชีวิตพลิกโฉมเมื่อทีมประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อคว้าตัวแข้งพ่อหนุ่มหน้าหล่อรายนี้มาร่วมทัพ และท้ายที่สุด “ราชันชุดขาว” ก็ปิดจ๊อบคว้าเขารังมาได้สำเร็จในเดือนมกราคม ปี 2015 ถือเป็นความสำเร็จระดับที่ว่าใครๆ ก็อิจฉาตาร้อนกันเลยทีเดียว ซึ่งเขาได้ลงฝึกซ้อมกับทั้งทีมชุดใหญ่และทีมสำรองโดยทำสถิติเป็นผู้เล่นอายุน้อยสุดในประวัติศาสตร์สโมสรที่ได้ลงเล่นในศึก ลาลีกา สเปน หลังได้โอกาสลงสนามเล่นแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2014/2015 ที่ทีมเปิดบ้านถลุงเกตาเฟ่ไป 7-3 4. ดำดิ่งสู่ความอัปยศ เหมือนความคาดหวังที่จะมาโชว์ลวดลายและร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีมยักษ์ใหญ่เบอร์ต้นๆ จะดับสลายลงไป เมื่อเจ้าหนูตัวความหวังของหมู่บ้านไม่สามารถสอดแทรกขึ้นมาอยู่ในแผนการทำทีมในยุคของโค้ชหัวไข่ดาวอย่าง ซีเนดีน ซีดาน ได้เลย โดยลงช่วยทีมในถิ่น ซานติอาโก เบร์นาเบว ไปเพียง 2 นัดในระยะเวลา 2 ปี จะเรียกว่าดับฝันอนาคตเลยก็ว่าได้ 5. เมื่อฟ้าไม่เป็นใจก็ปล่อยยืมไป อย่างไรก็ตาม“ราชันชุดขาว” เรอัล มาดริด ยังเชื่อมั่นในฝีเท้าและพรสวรรค์ ไม่รอช้าต่อสัญญาเด็กหนุ่มพรสวรรค์รายนี้ต่อไป โดย โอเดการ์ด ออกมาเผยด้วยตัวเองว่า “สัญญาของผมยังไม่น่าจะหมดในปี 2018 นี้ ซึ่งผมได้ขยายสัญญาออกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ผมไม่อยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับประเด็นนี้แล้ว” เจ้าตัวกล่าวในขณะที่ถูกปล่อยยืมให้ทีมอื่นใช้งานเพื่อไขว่คว้าหาประสบการณ์กับทีมใน เอเรดิวิซี่ ลีก อย่าง ฮีเรนวีน ในเดือนมกราคม ปี 2017 โดยยืมใช้งานเป็นเวลา 18 เดือน และ มาร์ติน ได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องกับ ฮีเรนวีน ทั้งในช่วงครึ่งซีซั่นหลังของฤดูกาล 2016/2017 และช่วงต้นซีซั่นของฤดูกาล 2017/2018 ก่อนมรสุมพัดพาชีวิตให้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บบริเวณเข่าจนต้องปิดฉากในฤดูกาลนั้นไปแบบใจหายใจคว่ำ 6. หมดสัญญาก็กลับมาด้วยความหวัง หลังจากที่เจ้าตัวหมดสัญญายืมตัว เขาก็กลับคืนถิ่นต้นสังกัดเพื่อฝึกซ้อมและลงเล่นช่วงปรี-ซีซั่นกับ เรอัล มาดริด ในยุคกุนซือป้ายแดงอย่าง ฆูเลน โลเปเตกี ตลอดช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ซึ่งความคาดหวังของเด็กหนุ่มวัย 19 ปีก็หวนคืนกลับมาอีกครั้งเมื่อ ซีเนดีน ซีดาน กุนซือคนเก่าได้ออกไป คนใหม่ก็เข้ามาซึ่งก็คือ โลเปเตกี ที่มารับหน้าที่คุมทัพต่อ แต่ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างหวังตั้งใจ มันไม่มีที่ว่างในทีมชุดใหญ่ให้กับเจ้าหนูผู้น่าสงสารอีกเช่นเคย โดยนายใหญ่ชาวบาสก์ได้ตัดชื่อดาวรุ่งสุดอาภัพออกจากทีมชุดไปทำศึก ซูเปอร์คัพ ที่กรุงทัลลินน์ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และเหมือนสโมสรต้นสังกัดของเขาก็เหมือนรวมหัวอยากกั๊กแข้งพรสวรรค์รายนี้เอาไว้อยู่กับทีมต่อไป แต่ทว่ามิดฟิลด์เท้าซ้ายสายเลือดนอร์เวย์ก็ยังไม่สามารถที่จะแทรกซึมทีมชุดใหญ่ ยังโดนปล่อยยืมตัวซ้ำ ๆ ซาก ๆ เป็นรอบที่ 2 ให้กับ วิเทสส์ สโมสรดังในศึก เอเรดิวิซี่ ฮอลแลนด์ ไปใช้งานอีก 1 ซีซั่น เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และล่าสุดย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล โซเซียดาด แบบ 7. เฉิดฉายอีกครั้ง ด้วยความไม่ยอมแพ้ โอเดการ์ด ก็สร้างสถิติของตัวเองเป็นหนึ่งในแข้งคนสำคัญที่พา วิเทสส์ จบอันดับ 5 ผ่านไปเล่นในรอบเพลย์ออฟ ในศึก ยูโรป้าลีก ฤดูกาลนี้ โดยผลงานกับ วิเทสส์ ถือว่าเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเรื่องของการทำประตู และมีส่วนร่วมกับทีม ลงสนาม ถึง 34 นัด เป็นตัวจริง 32 นัด ทำไป 8 ประตู แอสซิสต์ 10 ครั้ง มากที่สุดในทีม มีส่วนช่วยในประตูที่เกิดขึ้นมากที่สุดถึง 18 ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งมากที่สุด 87 ครั้ง สร้างโอกาสมากที่สุด 110 ครั้ง ส่วนผลงานในฤดูกาลปัจจุบัน โอเดการ์ด โชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในการเล่นด้วยสัญญายืมตัวกับ เรอัล โซเซียดาด โดยลงเล่นไป 23 เกมรวมทุกรานการ ยิงไป 6 ประตู 8 แอสซิสต์ คว้าผู้เล่นยอดเยี่ยม ลาลีกา ประจำเดือนกันยายน 2019 ไปครอง นอกจากนี้ล่าสุดเขายังทำประตูใส่ทีมต้นสังกัด อย่าง เรอัล มาดริด ได้ ในเกม โกปา เดล เรย์ ช่วยให้ เรอัล โซเซียดาด เอาชนะไป 4-3 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ รายการฟุตบอลถ้วย โกปา เดล เรย์ ไปแล้วเรียบร้อย เรียกว่ากลับมาแจ้งเกิดบนฟลอร์หญ้าอีกครั้ง จากความมุ่งมั่นในแววตาของแข้งหนุ่มมากพรสวรรค์รายนี้ ได้แต่หวังว่าเขาจะสามารถก้าวไปสู่ระดับท็อปของโลกได้ในอนาคต - เปี๊ยกบางใหญ่ -
logoline