logo-heading

แอตเลติโก มาดริด โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงเลกแรกของซีซั่น 2020-21 ด้วยการครองจ่าฝูง ลา ลีกา สเปน มันมีหลายเหตุผลที่ทำให้พวกเขามาอยู่ในจุดๆ นี้ เผลอๆ อาจยิงยาวรวดเดียวถึงการเป็นแชมป์เลยก็เป็นได้ จะมีปัจจัยอะไรบ้างนั้นไปติดตามข้อมูลจากทางเรา "ขอบสนาม" ได้เลย

เกมรับที่แข็งแกร่ง

หลายคนทราบดีว่า แอตเลติโก มาดริด ของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นั้นเป็นทีมที่มีจุดแข็งและจุดที่เด่นมากๆ ในเรื่องเกมรับที่แข็งแกร่งและเป็นระบบสุดๆ และจนถึงตอนนี้ที่ฤดูกาล 2020-21 ผ่านมาแล้วครึ่งทางพวกเขาก็ยังคงรักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยมกับการเสียไปแค่ 6 ประตูเท่านั้นจากการลงเล่น 16 เกมใน ลา ลีกา นอกจากจะเป็นสถิติที่ดีที่สุดในลีกแล้วมันยังเป็นสถิติที่ดีที่สุดบนสังเวียน 5 ลีกดังยุโรปด้วย

ความเด็ดขาด

จุดที่ขุนพล "ตราหมี" พัฒนาขึ้นมาในปีนี้ก็คือเรื่องของความเด็ดขาดและความเฉียบคม เพราะมีหลายเกมที่พวกเขาไม่ได้เล่นได้ดีที่สุด โอกาสเข้าทำแทบไม่ดี แต่สุดท้ายสามารถเก็บผลการแข่งขันที่ต้องการได้ ยกตัวอย่างเกมล่าสุดที่เอาชนะ เซบีย่า มาได้ 2-0 ซึ่งตัวของ แฟร์นานโด มิดฟิลด์ของ เซบีย่า ต้องออกมาบ่นเลยว่า จริงๆ เกมๆ นี้ แอตฯ มาดริด ไม่ได้มีโอกาสเข้าทำที่มากนัก ครองบอลก็น้อยกว่า 35 ต่อ 65 แต่กลับเปลี่ยนโอกาสเนาะๆ เน้นๆ แค่ 2 ครั้งเป็นประตูได้เลย พร้อมกับเก็บ 3 คะแนนไปในที่สุด และคุณรู้รึเปล่าว่าในซีซั่นนี้ แอตฯ มาดริด มีโอกาสยิงทั้งหมด 68 ครั้ง (รวมทั้งยิงตรงกรอบและไม่ตรงกรอบ) แต่ดันเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้ถึง 31 ประตูเลยทีเดียว

หลุยส์ ซัวเรซ

อีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ช่วยยกระดับให้ แอตเลติโก มาดริด เป็นทีมที่น่ากลัวยิ่งขึ้นในฤดูกาลนี้ก็คือการได้ยอดดาวยิงอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ มาเสริมแกร่งนั่นเอง โดยปกติเราจะเห็นจุดเด่นของพวกเขาแค่เกมรับอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนผู้เล่นในแนวรุกค่อนข้างหวังผลได้ยากในเรื่องการผลิตสกอร์ไม่เหมือนพวก บาร์เซโลน่า หรือ เรอัล มาดริด รวมถึงทีมอื่นๆ ยิ่งตอน อองตวน กรีซมันน์ ย้ายออกไปเราแทบมองไม่ถูกเลยว่าใครกันแน่ที่คือความหวังเบอร์ 1 ของทีม แต่ตอนนี้ หลุยส์ ซัวเรซ ได้เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไปแล้ว ถึงแม้จะอายุอานามปาเข้าไป 33 ปีแล้วก็จริง แต่ตอนนี้เขาคือดาวซัลโวของทีม ลงสนามไป 13 นัด ซัดไป 9 ประตู (นับแค่ใน ลา ลีกา)  นอกจากนี้การมีเขาอยู่ในสนามมันยังทำให้เพื่อนคนอื่นเล่นได้ง่ายขึ้นด้วย เพราะตัวของ ซัวเรซ สามารถดึงตัวประกบจากคู่แข่งได้ดี ทำให้คนอื่นมีพื้นที่และมีอิสระในการแสดงศักยภาพได้มากขึ้น

ศักยภาพของนักเตะ

อีกหนึ่งจุดเด่นในปีนี้ของ แอตฯ มาดริด ก็คือการที่ ดีเอโก้ ซิโอเน่ สามารถงัดศักยภาพของนักเตะหลายๆ คนออกมาได้ดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น โธมัส เลอมาร์ ที่ได้โอกาสมากขึ้น มีส่วนร่วมกับเกมเยอะขึ้น ถัดมาที่ มาริโอ เอร์โมโซ่ ก็รับผิดชอบหน้าที่ตัวเองได้ดีในยามที่กองหลังคนอื่นๆ ไม่สามารถใช้งานได้ ตลอดจนตัวของ ยานนิค คาร์ราสโก้ ที่ปีนี้เป็นตัวหลักแแบบตัวตัวและก็ผลงานดีด้วยจากการลงเล่นไป 13 เกม ยิงได้ 2 ประตู และทำไป 4 แอสซิสต์ ตลอดจนนักเตะอีกหลายๆ คนที่สามารถช่วยให้ทีมเอาตัวรอดไปได้ทั้งๆ ที่บางเกมพวกเขาไม่สามารถใช้งานแข้งแกนหลักอย่างพวก เจา เฟลิกซ์, หลุยส์ ซัวเรซ, ซาอูล ญิเกซ หรือ โกเก้ ได้ ส่วนอีกคนหนึ่งที่ควรได้รับคำชมเลยก็คือ มาร์กอส ยอเรนเต้ จากส่วนเกินที่ เรอัล มาดริด ตอนนี้เขากลายมาเป็นตัวหลักของ แอตเลติโก มาดริด อย่างเต็มตัว และผลงานในฤดูกาลนี้ก็ดูดีกว่าปีที่ผ่านมาด้วย โดยตอนนี้ได้ลงเล่นใน ลา ลีกา ไป 16 เกม ยิงได้ 6 ประตู และกดไปอีก 3 แอสซิสต์ แต่ที่พีคสุดๆ เลยก็คือไม่ว่า ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ จะใช้ระบบ 4-4-2 หรือสับแท็คติกไปเป็น 3-4-2-1 มาร์กอส ยอเรนเต้ จะเป็นตัวเลือกแรกๆ ในใจของโค้ชและก็ทำผลงานได้ดีตามใบสั่งที่ได้มาอีกด้วย

ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่

ในช่วงวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 แน่นอนว่ามันส่งผลหนักมากต่อเรื่องเศรษฐกิจ สโมสรทั่วโลกต่างก็เจอปัญหานี้เต็มๆ ซึ่งหลักๆ ก็มาจากการที่แฟนบอลไม่สามารถซื้อตั๋วเข้ามาชมเกมในสนามได้ ทำให้รายได้หดหายไปเยอะเลยทีเดียว แต่ถ้าเกิดพูดถึงเรื่องฟอร์มการเล่นยามเฝ้ารัง ว่านต๋า เมโทรโปลิตาโน่ ขอบอกเลยว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไรสำหรับ แอตเลติโก มาดริด เลย ถึงแม้ไม่มีแฟนบอลแต่พวกเขาก็ยังคงไม่แพ้ใครในซีซั่นนี้จากการลงเล่น 12 เกมหลังสุดรวมทุกรายการ แบ่งเป็น ชนะ 9 และ เสมอ 9 นัด ถ้านับแค่ใน ลา ลีกา พวกเขาไม่แพ้คาบ้านมาแล้ว 20 เกมติดต่อกัน นับตั้งแต่ปราชัยต่อ บาร์เซโลน่า 0-1 เมื่อช่วงเดือนธันวาคมปี 2019

คู่แข่งพลาดเอง 

ที่ แอตเลติโก มาดริด ครองจ่าฝูงบนเวที ลา ลีกา สเปน ตอนนี้ มี 41 คะแนนจากการลงเล่น 16 นัด นอกจากพวกเขาจะมีฟอร์มการเล่นที่ดีคงเส้นคงวาแล้วอีกหนึ่งปัจจัยก็คือมาจากความผิดพลาดและการทำตัวเองของ 2 ยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ถ้านับแค่ในลีก 2 ทีมนี้ต่างฝ่ายต่างทำแต้มหล่นกันกระจายเลย สำหรับ "ราชันชุดขาว" แล้วมีหลายเกมเลยที่พวกเขาพลาดอย่างไม่น่าให้อภัยไล่ตั้งแต่การแพ้น้องใหม่ กาดิซ คาบ้าน 0-1, แพ้ อลาเบส คาบ้าน 1-2, เสมอ เออิบาร์ 1-1, เสมอ โอซาซูน่า 0-0 และการบุกไปโดน บาเลนเซีย อัดมา 4-1 ทั้งที่ปีนี้ขุนพล "ไอ้ค้างคาว" ไม่ใช่ทีมที่ดีต่างจากทีมเล็กๆ เลย ส่วน บาร์เซโลน่า ก็พอๆ กันเลย แพ้น้องใหม่ กาดิซ 1-2, เสมอ อลาเบส 1-1, แพ้ เคตาเฟ่ 0-1, เสมอ เออิบาร์ 1-1, เสมอ บาเลนเซีย 2-2 นอกจากนี้ยังแพ้ให้กับคู่แข่งแย่งแชมป์อย่าง เรอัล มาดริด และ แอตฯ มาดริด ทั้งหมดเลยด้วย ตอนนี้ แอตฯ มาดริด มี 41 คะแนนจาก 16 นัด ทิ้งอันดับ 2 เรอัล มาดริด อยู่ 4 คะแนน และทิ้งอันดับ 3 บาร์เซโลน่า อยู่ 7 คะแนน แถมยังแข่งน้อยกว่าถึง 2 นัดด้วย ถ้าเกิดลูกทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงรักษามาตรฐานของตัวเองได้ดีตามเหตุผลต่างๆ ที่พูดมาทั้งหมด ดูแล้วยังไงแชมป์ ลา ลีกา สเปน สมัยที่ 11 ในประวัติศาสตร์ก็คงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : marca  ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline