logo-heading

ชื่อของ เคราร์ด โมเรโน่ กลายเป็นดาวยิงที่ได้รับความสนใจจากแฟนบอลมากยิ่งขึ้น ภายหลังเจ้าตัวทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา

และแสงสปอร์ตไลท์ก็ตามส่องเขามากยิ่งขึ้นเมื่อเป็นคนยิงประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูโรป้า ลีก  ซึ่งด้วยความร้อนแรงตรงนี้ทำให้ ขอบสนาม ของเราเลยอยากจะพาทุกท่านไปรู้จักกับดาวยิงคนนี้ให้มากยิ่งขึ้นว่ากว่าที่เขาจะไต่เต้ามาอยู่ในจุดนี้ต้องผ่านอะไรมาบ้าง และเส้นทางของเขาก่อนประสบความสำเร็จกับ บียาร์เรอัล มันเป็นอย่างไร ไปติดตามกันได้เลย

ชีวิตแรกเริ่ม

เคราร์ด โมเรโน่ เริ่มลืมตาทักทายโลกเมื่อ 7 เมษายน 1992 ที่ประเทศสเปน ก่อนที่เส้นทางลูกหนังจะเริ่มต้นขึ้นเมื่ออายุของเขาครบ 8 ขวบ นั้นก็คือการเข้าร่วมกับอคาเดมี่ที่มีชื่อว่า Damm ซึ่งเจ้าตัวฝึกศาสตร์ลูกหนังได้อยู่เพียงปีเดียว ก็มีอันต้องโยกย้าย แต่ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันส่งผลกับเขามากพอควร เพราะปลายทางต่อไปคือสโมสรที่มีชื่อว่า เอสปันญ่อล  ตลอดระยะเวลากว่า 6 ปี กับทีมดังแห่งศึกฟุตบอลสเปนเจ้าตัวพยายามพัฒนาฝีเท้าแต่ทว่าบทสรุปสุดท้ายก็ไม่อาจเป็นได้ดั่งฝัน เพราะสุดท้ายก็ถูกปล่อยตัวออกจากทีม ก่อนที่ในปี 2007 จะเป็น Badalona มาคว้าตัวไปร่วมทัพ ซึ่งที่นี่เองเขาใช้เวลาอยู่นานกว่า 3 ปี ในการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง จนกระทั่งไปเข้าตาสโมสรใหญ่แห่งศึกลาลีกา สเปน อย่าง บียาร์เรอัล และนั้นคือจุดเริ่มต้นของคำว่านักฟุตบอลอาชีพ

ไต่เต้ากับทัพ "เรือดำน้ำ"

ชีวิตช่วงแรกกับ บียาร์เรอัล แน่นอนว่าทุกอย่างมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเขาต้องเริ่มต้นตั้งแต่ทีมชุด ซี, บี ก่อนที่จะมาได้โอกาสลงสนามกับทีมชุดใหญ่เกมแรกคือช่วงท้ายๆ ของฤดูกาล 2010-11 ซึ่งเจ้าตัวได้ลงสนามในฐานะตัวสำรองในเกมที่ บียาร์เรอัล เปิดบ้านพ่ายให้กับ ราโย่ บาเยกาโน่ 1-2 วันนั้น โมเรโน่ อยู่ในสนามเพียง 6 นาที แต่นั้นเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสต์ของเขาในการได้สัมผัสกับเกมอาชีพแบบจริงๆ จัง เป็นครั้งแรก ก่อนที่โอกาสต่างๆ ก็เริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยซีซั่นที่เขาเข้ามามีบทบาทกับทีมชุดใหญ่เต็มตัวคือฤดูกาล 2012-13 ที่ลงเล่นในศึกลีกา 2 สเปน ช่วยทีมไปมากถึง 14 นัด ซัดไป 3 ประตู  ก่อนที่ในปีถัดมาจะถูกปล่อยไปให้ เรอัล มายอร์ก้า ยืมตัว ซึ่งเขาก็ทำผลงานได้ดีพอควรด้วยการยึดเป็นตัวหลักของทีมกระหน่ำไป 12 ตุง จาก 32 เกม หลังจากนั้น โมเรโน่ ก็กลับไปยัง บียาร์เรอัล พร้อมกับการได้โอกาสลงเล่นบนลีกสูงสุดแดนกระทิงอย่างลาลีกา สเปน ซึ่งเขาช่วยทีมยิงไป 7 ประตู จาก 32 นัด แต่ทว่านั้นคือฤดูกาลสุดท้ายของเขากับทีม เพราะช่วงซัมเมอร์ 2015  เอสปันญ่อล ทีมเก่าสมัยเป็นเยาวชนได้หวนกลับมาคว้าตัวเขาไปร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 1.5 ล้านยูโร ทำความรู้จัก เคราร์ด โมเรโน่ ดาวยิงฟอร์มแรงจาก บียาร์เรอัล

ชีวิตที่ เอสปันญ่อล 

การย้ายมาสู่ เอสปันญ่อล ช่วยให้เขาได้รับโอกาสอย่างสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น และกลายเป็นอาวุธสำคัญในการไล่ล่าประตูคู่แข่ง เพราะ 3 ฤดูกาลของเขากับสโมสรแห่งนี้เขาได้รักษามาตรฐานไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในช่วง 2 ซีซั่นแรกเขาซัดในลาลีกาไปฤดูกาลละ 13 ประตู ก่อนที่ในขวบปี 2017-18 จะพัฒนายิงไป 16 ตุง ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวกับขนาดทีมของ เอสปันญ่อล ถือว่าเป็นตัวเลขที่สวยงามมากพอสมควร และด้วยผลงานที่ค่อนข้างโดดเด่นไม่แปลกที่ต้นสังกัดเก่าอย่าง บียาร์เรอัล อยากจะได้ตัวกลับไปไล่ล่าตาข่ายอีกครั้ง ว่าแล้วในช่วงซัมเมอร์ 2018 ทัพ "เรือดำน้ำสีเหลือง" ก็หอบเงินจำนวน 20 ล้านยูโรไปสู่ขอ เคราร์ด โมเรโน่ ให้กลับมาเป็นดาวยิงของทีมเป็นคำรบที่ 2

คัมแบ็คสู่ บียาร์เรอัล

ย้อนกลับไปภาคแรกกับ บียาร์เรอัล ผลงานของ โมเรโน่ อาจจะยังไม่สุดปังมากเท่าไหร่ เพราะด้วยประสบการณ์ และความกลัดมันส์อาจจะยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ ซึ่งการกลับมาหนที่ 2 แม้ช่วงฤดูกาลแรกจะออกสตาร์ทไม่สวยเท่าไหร่เพราะซัดในทุกรายการไปได้เพียง 13 ประตู จากการลงสนาม 49 นัด แต่นั้นเหมือนภาพลวงตา เพราะของจริงกำลังตามมาในฤดูกาลถัดไป เมื่อรูดม่านเปิดฉากซีซั่น 2019-20 โมเรโน่ มีผลงานที่กระเตื้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพียง 4 เกมแรกในลาลีกา เขาก็กระหน่ำไปแล้วถึง 5 ตุง บทสรุปปีดังกล่าวเจ้าตัวซัดไป 20 ประตู จากการลงสนาม 37 นัดในทุกรายการ แน่นอนนี่คือพัฒนาการที่สัมผัสด้วยตาได้อย่างชัดเจน และเปรียบเหมือนสัญญาณเตือนว่าเขากำลังจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นแล้ว ทำความรู้จัก เคราร์ด โมเรโน่ ดาวยิงฟอร์มแรงจาก บียาร์เรอัล

ขวบปีที่ยอดเยี่ยม

ฤดูกาล 2020-21 เหมือนเป็นปีที่แจ้งเกิด โมเรโน่ แบบเต็มตัว และเข้าสู่ช่วงพีคของชีวิตลูกหนังแบบเต็มขั้น ตลอดซีซั่นเขากระหน่ำไปมากถึง 30 ประตู จากการลงสนาม 46 นัด ซึ่งถ้าจำแนกเพียงในศึกลาลีกา เขาเป็นรองเพียง ลิโอเนล เมสซี่ (30 ประตู) เพียงคนเดียวเท่านั้น และยิงเท่ากับ คาริม เบนเซม่า ที่จำนวน 23 ประตู และด้วยความร้อนแรงนี่มันเลยต้องผลให้เขาคือฟันเฟืองสำคัญในการพาทัพ "เรือดำน้ำสีเหลือง" กรุยทางก่อนซิวแชมป์สมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสรได้สำเร็จ ซึ่ง โมเรโน่ จบด้วยการเป็นรองดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ซัดไป 7 ประตู นอกจากนั้นนี่ยังเป็นโทรฟี่แชมป์แรกของเขาในเส้นทางนักฟุตบอลอีกด้วย แรกได้ว่าเป็นขวบปีที่ยอดเยี่ยม และคู่ควรแล้วกับความสำเร็จที่คว้ามาครอง

ทีมชาติสเปน

เคราร์ด โมเรโน่ ติดทีมชาติสเปนครั้งแรกเมื่อปี 2019 ในศึกยูโร รอบคัดเลือก และเพียงเกมนัดที่ 2 เท่านั้นเจ้าตัวก็สามารถเปิดซิงตุงแรกได้สำเร็จ ในเกมที่ทัพ "กระทิงดุ" เปิดบ้านถล่ม มอลต้า 7-0 นอกจากยิงได้แล้ว โมเรโน่ ยังแอสซิสต์คนเดียวไปถึง 3 ครั้งอีกด้วย จากนั้นเจ้าตัวก็กลายเป็นขาประจำของทีมชาติเสมอมา ถูกเรียกตัวใช้งานอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงตรงนี้รับใช้บ้านเกิดไปแล้ว 10 นัด ซัด 5 ประตู และกับการประกาศรายชื่อชุดลุยศึกยูโร 2020 ของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ก็ปรากฎชื่อของ เคราร์ด โมเรโน่  ตามคาดไม่ได้หลุดออกจากโผแต่อย่างใด ซึ่งนั้นเท่ากับว่าศึกยูโรนี้จะเป็นทัวร์นาเมนต์ระดับทีมชาติครั้งแรกของดาวยิงวัย 29 ปีรายนี้ และจะว่าไปเขาก็เป็นอีกหนึ่งความหวังในแดนหน้ากับการที่คนทั้งชาติฝากความหวังไว้ ซึ่งเราก็ต้องติดตามกันต่อว่า เคราร์ด โมเรโน่  จะสามารถรักษามาตรฐานจากสโมสร และไปต่อยอดกับทีมชาติได้มากขนาดไหน

- Paolinho -

logoline