ถ้าพูดถึงคำว่า "เดอะแบก" ในฟุตบอลไทยลีก 2018 คุณคิดถึงใคร ซึ่งผมและทีมงานขอบสนามบอลไทยทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต้องมีชื่อ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต กองหน้าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส หัวหอกจาก เอสซีจี เมืองทอง ติดในโผแน่นอน
แต่ยังมีอีกหลายๆ คนที่ตกสำรวจไป วันนี้ "ทีมงานขอบสนามบอลไทย" ขอพาทุกๆ ท่านไปรู้จักกับ "7 เดอะแบก ไทยลีก 2018" จะมีใครกันบ้าง ไปดูกันเลยครับ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) เดอะแบกคนแรกที่อยากจะนำเสนอคือ "เทพเจ้าสายฟ้า" แห่ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือนามที่แท้จริงคือ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต กองหน้าชาวบราซิล และเป็นดาวซัลโวของไทยลีกในขณะนี้ ด้วยจำนวน 14 ประตูจาก 14 นัดแรกในไทยลีก ซึ่งปีนี้เขามาด้วยฟอร์มอันยอดเยี่ยม และแบกทีมตั้งแต่ต้นซีซั่นจนถึงตอนนี้ เป็นหัวใจในเกมรุก ทั้งยิง ทั้งจ่าย เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาโชว์ผลงานต่ำกว่ามาตราฐานทีมก็มักจะเป๋ตามไปด้วย แต่ถ้าเขาเล่นได้ตามฟอร์ม บุรีรัมย์ จะกลายเป็นทีมที่น่ากลัวที่สุด ไม่เชื่อลองไปถาม เอสซีจี เมืองทอง ดูได้ครับ อ่อง ธู (โปลิศ เทโร) ล่าสุดตอนนี้ อ่อง ธู กลายร่างเป็น อ่อง ที , อ่อง โฟร์ จนล่าสุด อ่อง เอธ ไปแล้วกับผลงาน 8 ตุงจาก 14 นัดแรก พร้อมกับฟอร์มที่ยอดเยี่ยม ทั้งเลี้ยง ทั้งทำเกม จากเป็นเพียงแค่แข้งอาเซียนคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เขากลายเป็น "คนสำคัญ" โปลิศ เทโร ที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว โดยเฉพาะในช่วงที่ เทโร ฟอร์มดีๆ เก็บชัยได้รัวๆ เขายิงประตูชัยให้กับทีมเป็นว่าเล่นอีกด้วย และขอยืนยันว่าเขาจะอยู่ในทีม มังกรโล่ห์เงิน จนจบซีซั่นนี้แน่นอน เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส (เอสซีจี เมืองทอง) นี่ก็เดอะแบกเบอร์ต้นๆ ของไทยลีก สำหรับ เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส กองหน้าซ้ายพิฆาตแห่ง เอสซีจี เมืองทอง เพราะหลังจากการหายหน้าหายตาไปพร้อมๆ กันของ ธีรศิลป์, ธีราทร, อดิศักดิ์ หริอแม้แต่ ชาช่า โคเอลโญ่ ทำให้ทุกอย่างตกมาอยู่ที่ "หัวหอกชาวบราซิล" รายนี้ทั้งการปั้นเกม, ปั้นเพื้อน รวมไปถึงการยิงประตูที่ต้องทำอยู่คนเดียว และหากวันไหนเขาเล่นผิดฟอร์ม กิเลนผยอง ก็พร้อมที่จะน้ำตาตกได้อยู่เสมอ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (สิงห์ เชียงราย) นี้คือช่วงวิกฤติของ สิงห์ เชียงราย อย่างแท้จริงโดยเฉพาะเรื่องการ "ยิงประตู" เพราะเล่นไทยลีก 2018 มา 14 นัด พวกเขาทำประตูคู่แข้งไปได้เพียงแค่ 15 ลูกเท่านั้น โดยไม่มีเกมไหนที่ "กว่างโซ้ง" ยิงใครเกิน 2 ตุงอีกด้วย และที่สำคัญที่ส่งผลให้ มิสเตอร์วิคเตอร์คือ "เดอะแบกแห่งทีมล้านนา" คือเขาเป็น นักเตะคนสำคัญของทีม, เขาเป็นกัปตันทีม และเป็นกองหลังดาวซัลโวของทีม (จำนวน 5 ประตู) ในขณะที่กองหน้าพึ่งไม่ได้ ยิงกันแค่คนละ 3-4 ลูก ยังมี "วิคเตอร์ คาร์โดโซ่" คนนี้ที่คอยช่วยเหลือทีมอยู่ตลอดในทุกๆ เกมที่ผ่านมา โจนาธาน รีส (พีที ประจวบ) ดีลนี้เกือบจะต้อง "ล่ม" ไป เพราะ พีที ประจวบ มีชื่อของ "เลอันโดร อัสซัมเซา" เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายแล้ว "ต่อพิฆาต" เลือก โจนาธาน รีส ที่ยืมมาจาก นครปฐม ยูไนเต็ด และ "อดีตดาวซัลโวไทยลีก 2" ก็ไม่ทำให้แฟนๆ น้องใหม่ไทยลีกต้องผิดหวังเมื่อจัดการยิงเป็นพลุแตกจัดไป 11 ดอกจาก 14 นัด รั้งเป็นรองดาวซัลโวไทยลีกอยู่ในขณะนี้ พร้อมกับประสานงานกับเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่าดีลนี้ "ยืม" ได้ดีเกิดคาดจริงๆ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (ชลบุรี เอฟซี) จากเด็กน้อยที่ลงมาแทนพี่ๆ ในช่วงปีสองปีที่ผ่านมา แต้ปีนี้ "อาตี๋ยิม" วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ทั้งพละกำลังที่เริ่มวิ่งได้ไม่มีหมด, ทั้งเซนต์บอลที่ดีโคตรๆ และความเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่เจ้าตัวมี ทำให้เขากลายเป็นกำลังสำคัญของ ชลบุรี เอฟซี ไปแล้ว นอกจากนี้ปีนี้สิ่งสำคัญที่เจ้าตัวพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดคือ "การยิงประตู" เพราะปีนี้เขายิงประตูสวยๆ อยู่บ้อยครั้งทั้งยิงตีเสมอและยิงประตูชัย ซึ่งจุดนี้ต้องยอมรับ "ฉลามชล" มีผลงานกระเตื่องขึ้นมาเรื่อยๆ ก็เพราะผลงานของ "เจ้ายิม" ด้วยส่วนหนึ่งนั่นเอง เซร์คิโอ ซัวเรส (การท่าเรือ เอฟซี) จากนักเตะที่ยังไม่แน่ว่าจะมีชื่อเล่นในไทยลีกปีนี้หรือไม่ ??? เพราะ ณ เวลานั้น ท่าเรือ ภายใต้การคุมทีมของ จเด็จ มีลาภ กำลังชั่งใจอนาคตของ เซร์คิโอ ซัวเรส กับ เนบีฮี บายรัม ที่ซื้อเข้ามาใหม่ว่าจะเอาใครเล่นไทยลีกดี จนในที่สุดหวยไปออกที่ "ซัวเรส" ได้จับคู่กับ ดราแกน บอสโควิช และ นูรูล ศรียานเก็ม และดูเหมือนว่า "ดาวเตะนับเบอร์ไฟว์" จะยกระดับการเล่นของตัวเองมาได้ดีเหลือเกิน ดีเกินหน้าเกินตาของ ดราแกน และ นูรูล อีกด้วย จนทำให้ทีมกลายเป็นทีมลุ้นแชมป์ตามที่หวังไว้ จนกระทั่งเขาได้รับบาดเจ็บหายหน้าหายตาไป 3-4 เกมทีมผลงานรูดลงฮวบๆ แต่พอ ซัวเรส กลับมาลงสนามได้อีกครั้งใน 2 เกมหลังสุดทีมเก็บ 6 คะแนนแถมยิงได้ทั้ง 2 นัด ซึ่งนี่คงเป็นคำตอบชั้นดีว่า "ท่าเรือ 2018" ใครเป็น "เดอะแบก" ของทีมบอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)