logo-heading

ในที่สุดก็เป็นไปตามคาดเมื่อ เชลซี ปิดดีลเสริมทัพนักเตะรายที่ 6 นั่นคือ ไค ฮาแวร์ตซ์ จาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาด้วยค่าตัวสถิติสโมสรที่ 72 ล้านปอนด์

วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากทำเสนอก็คือ สิ่งที่ เชลซี จะได้ประโยชน์จากชายที่ชื่อ ไค ฮาแวร์ตซ์ จะมีอะไรบ้างนั้นไปดูกัน ?

ผลงานกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น

ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่โตมาจากอคาเดมี่ของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น โดยตรง และตลอดระยะเวลา 4 ซีซั่นในรั้ว ไบ อารีน่า พี่แกก็มีวัฒนาการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องของฝีเท้าและผลงานในสนาม ปัจจุบัน ไค ฮาแวร์ตซ์ ได้รับการยกย่องอย่างมากในเรื่องของฝีเท้าและความครบเครื่องเรื่องทักษะสกิลต่างๆ เขาเป็นนักเตะที่ความครีเอทีฟสูง สามารถสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนได้ดี มีความรวดเร็วคล่องตัวสูงเวลาไปกับบอล และ เทคนิคดี แถมยังมีส่วนสูงถึง 189 เซนติเมตร แน่นอนว่าเราสามารถหวังผลจากลูกกลางอากาศได้เหมือนกัน สื่อในเยอรมันหลายสำนักชอบเอาชื่อของ ไค ฮาแวร์ตซ์ ไปเปรียบกับ เมซุต โอซิล, มิชาเอล บัลลัค, โทนี่ โครส และ อาร์ตูโร่ วิดัล นอกจากนี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ ยังมีสถิติการพังประตูที่ดีอีกด้วย โดย 2 ซีซั่นหลังสุดกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น พี่แกเล่นซัดไป 38 ประตู จากการลงเล่น 87 นัด และทำไปอีก 16 แอสซิสต์ ดูจากโปร์ไฟล์ของพี่แกแล้วนับว่ามีประโยชน์กับ เชลซี มากๆ เพราะถ้าพวกเขาได้ตัวสร้างสรรค์เกมดีๆ แบบนี้ไปร่วมทีม เชื่อได้เลยว่าเกมรุกของ เชลซี จะมีมิติใหม่ๆ ให้แฟนบอลได้ยลโฉมกันอย่างแน่นอน แถมยังสามารถหวังผลเรื่องการใส่ชื่อบนสกอร์บอร์ดได้อีกด้วยไม่ว่าจะเป็นในกรอบหรือนอกกรอบเขตโทษ

ความสารพัดประโยชน์

อย่างที่ทราบกันว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่มีความครบเครื่องเรื่องทักษะสกิลต่างๆ อีกทั้งยังสามารถประจำการในตำแหน่งไหนก็ได้ไม่ว่าจะเป็น มิดฟิลด์ตัวรุก, แนวรุกริมเส้น ตลอดจนกองหน้าตัวเป้า แต่ถ้าจะพูดถึงตำแหน่งที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ถนัดที่สุดก็คือตำแหน่งผู้เล่นเบอร์ 10 แต่ส่วนใหญ่เมื่อซีซั่นที่ผ่านมากับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น พี่แกมักถูกจับไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าอยู่บ่อยๆ เพราะ เควิน โฟลลันด์ ชอบเจอปัญหาโรคเดี้ยงเวียนมาทักทายอยู่เป็นประจำ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็รับผิดชอบกับหน้าที่นี้ได้ดีด้วย เท่ากับว่าในระบบ 4-3-3 ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ตามการคาดการณ์แล้ว ไค ฮาแวร์ตซ์ น่าจะยืนเป็นมิดฟิลด์คอยสนับสนุน 3 แนวรุกอย่าง คริสเตียน พูลิซิช ปีกซ้าย, ฮาคิม ซิเย็ค ปีกขวา และกองหน้าตัวเป้าจะเป็น ติโม แวร์เนอร์ แต่ถ้าเกิดมีใครสักคนเจ็บ, ติดโทษแบนหรือลงสนามไม่ได้ ไค ฮาแวร์ตซ์ สามารถโยกไปแทนที่ได้หมด มันทำให้ แฟร้งค์ แลมพาร์ด แทบไม่ต้องปวดกบาลเลยในการจัดทัพ และทุกตำแหน่งที่ว่ามานี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ เคยเล่นมาแล้วทุกบทบาทแถมยังโชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ ด้วย

อายุการใช้งาน

การลงทุนไปมหาศาลถึง 72 ล้านปอนด์ซึ่งเป็นค่าตัวระดับสถิติสโมสรนอกจากเรื่องศักยภาพฝีเท้าแล้ว ไค ฮาแวร์ตซ์ สามารถอยู่กับ เชลซี ได้ยาวๆ เป็น 10 ปี เป็นโปรเจ็กต์สำคัญสำหรับอนาคตของสโมสรได้เลย เพราะปัจจุบันพี่แกอายุแค่เพียง 21 ปีเท่านั้น เขาไม่ใช่นักเตะที่โตมากับ เชลซี แต่เขาสามารถเติบใหญ่และกลายเป็นหนึ่งในตำนานของสโมสรได้ ด้วยอายุเพียงแค่นี้ ไค ฮาแวร์ตซ์ สามารถเก่งได้เยอะ สามารถยกระดับและพัฒนาทักษะต่างๆ ได้อีกมากมาย ยิ่งได้อยู่ในมือของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ได้ชื่อว่าเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของ เชลซี และปีก่อนเขาก็คือคนที่ให้โอกาสและปั้นดาวรุ่งขึ้นมาแจ้งเกิดมากมายไม่ว่าจะเป็น แทมมี่ อบราฮัม หรือ เมสัน เมาท์ เป็นต้น มันค่อนข้างน่าสนใจนะว่าแกปั้น ไค ฮาแวร์ตซ์ ออกมาในรูปแบบไหน ?  >>> หามมาแนะ! วันเดอร์คิดห้างยา ไค ฮาแวร์ตซ์

มาตรฐานฟุตบอลเยอรมัน

ไค ฮาแวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่มีของเยอะและฉายแววได้ดีมาตั้งแต่ยังเด็กนั่นก็เป็นเพราะว่า วงการฟุตบอลเยอรมัน เขาวางรากฐานมาดีมากๆ พวกเขาใส่ใจทุกรายละเอียดกับนักเตะและปูฟื้นมาตั้งแต่นักเตะยังเด็ก ลองสังเกตดูดีๆ สิว่าทำไม นักเตะเยอรมัน ตลอดช่วงที่ผ่านมามันมีแต่คนเก่งๆ กันทั้งนั้นตั้งแต่เด็กยันโต ต้องให้เครดิตกับ วงการฟุตบอลเยอรมัน จริงๆ และมันก็ไม่แปลกเลยที่ปัจจุบัน ทีมชาติเยอรมัน ยังคงเป็นทีมที่ดีที่สุดเบอร์ต้นๆ ของโลก 

นักเตะเยอรมันของ เชลซี

ในประวัติศาสตร์ของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี พวกเขาเคยมีนักเตะเยอรมันทั้งหมด 5 คนด้วยกันซึ่งประกอบไปด้วย โรเบิร์ต ฮูธ, มิชาเอล บัลลัค, มาร์โก มาริน, อังเดร ชูร์เล่ และ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ถ้าให้ไล่เรียงทีละคน เริ่มที่ โรเบิร์ต ฮูธ ก่อน เขาเป็นเด็กปั้นของ เชลซี นี่แหละ หลังถูกซื้อตัวมาอีกทีจากอคาเดมี่ของ ยูเนี่ยน เบอร์ลิน เขาได้โอกาสลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกในยุคของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ แต่โอกาสไม่ได้เยอะมากเท่าไหร่ จึงไม่แปลกที่หลายๆ คนจะไม่รู้ว่า โรเบิร์ต ฮูธ เคยเป็นนักเตะเก่าของ เชลซี มาก่อน ถัดมาที่ มิชาเอล บัลลัค นี่ถือว่าชีวิตดีเลยที่ เชลซี พี่แกย้ายมาจาก บาเยิร์น มิวนิค แบบไม่มีค่าตัว และเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญในแผงมิดฟิลด์ตลอด 4 ฤดูกาลพา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัย เอฟเอ คัพ 2 สมัย และ ลีก คัพ 1 สมัย จริงๆ มันจะเพอร์เฟคกว่านี้ถ้าปี 2008 เชลซี ไม่ยิงจุดโทษแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ส่วน มาร์โก มาริน นี่หนักสุดเลย นี่คือนักเตะที่มีจุดเด่นที่ความรวดเร็วคล่องตัวสูงมาก เท้าไว ทักษะสกิลสูง จนได้รับฉายาว่า “ลิโอเนล เมสซี่ แห่ง เยอรมัน” แต่พอย้ายมาดันทะลึ่งปรับตัวไม่ได้ และก็ได้แต่ถูกปล่อยยืมตัวให้ทีมอื่นไปเรื่อย ขณะที่ อังเดร ชูร์เล่ อยู่กับ เชลซี 2 ปีในช่วงปี 2013-15 เขาไม่ใช่นักเตะที่โดดเด่นอะไรมากมายนัก แต่ได้โอกาสลงเล่นอยู่เรื่อยๆ เป็นตัวจริงบ้าง สำรองบ้าง แต่ก็มีหลายๆ ครั้งที่เขาลงมาแล้วยิงประตูสำคัญๆ รวมถึงจ่ายบอลจังหวะสวยๆ ให้เห็น ปิดท้ายที่ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ปัจจุบันเขาคือผู้เล่นเซ็นเตอร์แบ็กที่ดีที่สุดของ เชลซี รักษามาตรฐานได้ดี แข็งแกร่ง เข้าปะทะก็ดี เล่นลูกกลางอากาศก็ดี ตอนพี่แกเจ็บและหายไปพักใหญ่ๆ มันเห็นผลชัดเจนเลยว่า เชลซี หลังยวบขนาดไหน ตอนนี้ เชลซี ได้ ติโม แวร์เนอร์ มาอีกคน และก็เปิดซิงประตูแรกได้แล้วด้วยในเกมอุ่นเครื่องที่เจอกับ ไบร์ทตัน จะเห็นได้ว่านักเตะเยอรมันของ เชลซี ส่วนใหญ่เกินกว่าครึ่งคือชีวิตดีและมีบทบาทสำคัญกับทีม ดังนั้นตอนนี้เรามารอดูกันดีกว่าว่า ไค ฮาแวร์ตซ์ จะชีวิตดีตามรอยเพื่อนๆ พี่ๆ คนอื่นๆ ได้ไหมกับการเป็นอนาคตของ “สิงโตน้ำเงินคราม”

HaMu Dos Santos

ส่วนหนึ่งของข้อมูล : theprideoflondon ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางไลน์ขอบสนาม
logoline