เปิดตัวกันเรียบร้อย หลังรั้งรอกันมาเนิ่นนาน สำหรับ อาร่อน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาอนาคตไกล ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปคว้าตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ และ นับเป็นนักเตะรายที่ 2 ในช่วงซัมเมอร์นี้ ภายใต้การคุมทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา
ต้องบอกว่า อาร่อน วาน-บิสซาก้า มีค่าตัวที่แพงใช้ได้ กลายเป็นนักเตะในแนวรับที่มีค่าตัวติดชาร์ตบนเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แน่นอนว่าก็ต้องติดชาร์ตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เช่นเดียวกัน ฉะนั้นไปดูกันว่าผู้เล่น 5 อันดับแรกแห่งทัพ "ปีศาจแดง" ที่มีค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสร
5. เฟร็ด : 47 ล้านปอนด์
เชื่อว่าแฟนบอล "ปีศาจแดง" คงส่ายหน้าแน่ๆ เมื่อพูดถึงชื่อของ เฟร็ด เพราะการมาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นอะไรที่ไม่เวิร์คแม้แต่นิดเดียว เขาถูกด่า,ถูกวิจารณ์ อย่างหนัก เกี่ยวกับฟอร์มเล่น ถึงขั้นหยามว่านี่คือแข้งบราซิล แบบ "ของปลอมทำเหมือน" ด้วยความที่เจ้าตัว ย้ายจาก ชัคตาร์ โดเนตส์ค มาอยู่กับ "ปีศาจแดง" เมื่อปี 2018 กับค่าตัวถึง 47 ล้านปอนด์ ทำให้ความกดดันมันถาโถมเข้ามาอย่างหนัก ต้องรอดูกันว่าฤดูกาลหน้า เฟร็ด จะสามารถยกระดับการเล่นให้มันดีกว่านี้ได้หรือไม่4. อาร่อน วาน-บิสซาก้า : 50 ล้านปอนด์
เพิ่งจะเปิดตัวแบบใหม่เอี่ยมอ่องสำหรับ อาร่อน วาน-บิสซาก้า แบ็กขวาป้ายแดงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปคว้าตัวมาจาก คริสตัล พาเลซ ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ แพงสุดเป็นอันดับ 4 ตลอดกาลของสโมสร โดยแบ่งจ่ายเป็นเงิน 45 ล้านปอนด์ บวกอีกโบนัส 5 ล้านปอนด์ ขึ้นอยู่กับผลงานในอนาคต ถามว่าเป็นราคาที่แพงไหม ?? กับเด็กอายุเพียงแค่ 21 ปี ก็ต้องตอบว่าแพง แต่ด้วยราคาตลาดนักเตะที่มันปั่นป่วน ทำให้ทุกอย่างมันพุ่งกระฉูด และ เป็นเหมือนไฟต์บังคับให้ "ปีศาจแดง" ต้องเสริมทัพ เพื่อหาแบ็กขวาดาวรุ่ง ที่สดและใหม่ มาช่วยเติมเกมรุกและช่วยเกมรับให้มันดีมากขึ้น3. อังเคล ดิ มาเรีย : 59.7 ล้านปอนด์
สำหรับ อังเคล ดิ มาเรีย ต้องยกหนึ่งประโยคจากเพลง "ปฏิมากรรมน้ำแข็ง" มาประดับไว้ นั่นคือ "เริ่มต้นด้วยความงดงาม จนใครต่อใครอิจฉา" เพราะปีกทีมชาติอาร์เจนติน่า สร้างความตื่นเต้นมากๆให้กับสาวก "เร้ด เดวิลส์" เพราะ 3-4 นัด ผลงานโคตรแจ่มจะแด่ม แจ่ม ว้าว เรียกว่าดูจะเหมาะสมกับค่าตัว 59.7 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวที่เคยทุบกำแพงสถิติสโมสรมาแล้ว แต่อย่างที่บอกเอาไว้ "ปฏิมากรรมน้ำแข็ง" ไม่นานก็ละลายหายไป ดิ มาเรีย กลับไม่สามารถรักษาผลงานสม่ำเสมอได้ จากตัวจริง ถูกลดบทบาทกลายเป็นแข้งสำรองเท่านั้น และ สุดท้ายก็ต้องเก็บข้าวของออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นอีกหนึ่งผู้เล่นจากแดนลาติน ที่ไม่ประสบความสำเร็จกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึงแม้ค่าตัวสูงก็ตาม2. โรเมลู ลูกากู : 75 ล้านปอนด์
ช่วงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังมองหากองหน้ารายใหม่ พวกเขาได้เล็งไปที่ โรเมลู ลูกากู และ ต้องตบตีแย่งกับ เชลซี ก่อนที่สุดท้าย "ปีศาจแดง" ก็ประสบความสำเร็จ สามารถล่าลายเซ็นหัวหอกทีมชาติเบลเยี่ยม มาได้ ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ จาก เอฟเวอร์ตัน ถ้าถามว่าเฉิดฉายไหม ? คงตอบได้แบบเต็มปากว่า "ไม่ขนาดนั้น" เพราะ 2 ฤดูกาลที่อยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาถูกแฟนบอลล้อเลียนว่า "ไอ้ตู้เย็น" ซึ่งเป็นการหยอกถึงร่างท้วมของเขา และ มีช่วงที่ปืนฝืดไปนาน จนกลายเป็นสำรอง แต่ก็มีช่วงที่กราฟชีวิตพุ่งมาเช่นเดียวกัน ขนาดฟอร์มไม่ได้เลิศเลอ แต่ก็ยิงเกิน 10+ ทั้ง 2 ซีซั่น คราวนี้ต้องมาลุ้นกันว่า ซีซั่นหน้า จะอยู่กับทีมต่อไหม เนื่องจากกำลังตกเป็นข่าวกับ อินเตอร์ มิลาน1. ปอล ป็อกบา : 89 ล้านปอนด์
ไม่ต้องนั่งนึก ก็ทราบได้ดีว่า นักเตะที่มีค่าตัวแพงที่สุดแห่งค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นคือ ปอล ป็อกบา มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งบอร์ดบริหารตัดสินใจทุ่มเงินดึงกลับสู่ถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ หลังเคยปล่อยฟรีๆสมัยเป็นดาวรุ่งไปให้กับ ยูเวนตุส การย้ายมาของ ป็อกบา เขากลายเป็นคนสำคัญของทีมทันที โดยเฉพาะการขับเคลื่อนเกมรุก ไม่ว่าจะเป็นการแอสซิสต์ หรือ ยิงประตู แต่กระนั้น ป็อกบา มักจะมีข้อครหาเรื่องความสัมพันธ์กับโค้ช และ สไตล์การเล่น ที่ดูจะไม่ขยันวิ่งเท่าไหร่ แต่กระนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ปอล ป็อกบา เป็นแข้งคนสำคัญต้นๆแห่งทัพ "ปีศาจแดง"