ดีกรีของสล็อตไม่ได้ต่างกับ รูเบน อโมริม ที่เคยเป็นข่าวหนักหลังวืดอลอนโซ่ คือทั้งคู่คุมทีมเน้นเกมรุกเหมือนกัน เคยคว้าแชมป์ลีก 1 สมัยเหมือนกัน และกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นเหมือนกันด้วย แต่สิ่งที่ต่างกันชัดเจนคือฟอร์เมชั่น ซึ่งที่ผ่านมาอโมริมเล่นแผน 3-4-3 มาโดยตลอด ทว่าสล็อตเล่น 4-2-3-1 เป็นหลัก
นักเตะลิเวอร์พูลคุ้นชินกับการเล่นหลัง 4 ตลอดยุค JK ซึ่งการปรับจาก 4-3-3 ไปเล่นแผน 4-2-3-1 ย่อมมีโอกาสปรับตัวได้ไวกว่าแผนหลัง 3 ที่เรียนรู้การเล่นใหม่หมด
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของแผนสล็อต คือสั่งให้ทีมเล่นเพรสซิ่งแดนบนตลอดเวลา โดยมีอยู่ 1 สถิติที่ชี้วัดเรื่องนี้ได้คือ PPDA แปลแบบเข้าใจง่ายก็คือ ทีมของคุณปล่อยให้คู่ต่อสู้ส่งบอลกันกี่ครั้ง แล้วค่อยพยายามเข้าไปแย่งบอล
ยิ่งตัวเลขออกมาน้อย ยิ่งหมายความว่าทีมของคุณไม่เปิดโอกาสให้คู่ต่อสู้ครองบอลนาน ซึ่งสถิติบอกว่าเฟเยนูร์ดมีค่า PPDA 10.2 มากเป็นอันดับ 2 ของลีกฮอลแลนด์ หรือถ้าใครไม่เข้าใจก็คือ ใครก็ตามที่ดวลกับเฟเยนูร์ดเนี่ย คุณจะมีเวลาต่อบอลแค่ประมาณ 10 ครั้ง แล้วก็โดนแข้งเฟเยนูร์ดวิ่งมาเพรสทันที
คล็อปป์เองก็เก่งเรื่องนี้ สถิติบอกว่า PPDA ลิเวอร์พูลเป็นอันดับ 1 ของลีกเลย ปล่อยโอกาสให้คู่ต่อสู้ครองบอลไม่ถึง 9 ครั้งก็รุมแย่งทันที เรียกว่าชอบเพรสซิ่งเหมือนกัน และที่สำคัญก็คือสล็อตมีวิธีการบีบคู่ต่อสู้ 2 แบบ
หากเจอทีมที่เล่นเกมโต้กลับเก่ง พวกเขาจะสั่งให้มิดฟิลด์ตัวรุกขยับไปยืนกองหน้าคู่ หรือเปลี่ยนจาก 4-2-3-1 เป็น 4-2-4 นั่นเอง แต่พวกเขาจะไม่สั่งให้คู่กลางหลุดตำแหน่งเด็ดขาด เพื่อป้องกันไม่ให้โดนโต้กลับง่าย
ในทางกลับกัน หากเจอทีมที่เหนือกว่าเยอะ พวกเขาจะเพรสแบบเสี่ยงมากกว่าเดิม โดยสล็อตจะสั่งให้ทีมแย่งบอลด้วยแผน 4-1-3-2 ซึ่งจุดเริ่มต้นคือกลางรุกอย่าง คัลวิน สเตงส์ จะขยับไปยืนกองหน้าคู่กับ ซานติอาโก้ ฆิเมเนเซ
จากนั้นมิดฟิลด์ตัวกลางอย่าง เควนติน ทิมเบอร์ จะขยับสูงขึ้นไปยืนเป็นกลางรุกแทน เรียกว่ายืนระนาบเดียวกับปีก 2 ข้าง ส่วนกลางรับจะห้อย แมตส์ เวียฟเฟอร์ ไว้เพียงคนเดียว
หากเปรียบแผนสล็อตกับนักเตะลิเวอร์พูล ช่วงเพรสซิ่งจะเป็น โซโบสไล ยืนหน้าคู่กับ นูนเญซ จากนั้นปีกซ้ายเป็นดิอาซ, กลางรุกแม็คอัลลิสเตอร์, ปีกขวาซาลาห์ และห้อยกลางรับคนเดียวคือ วาตารุ เอ็นโด
เจอทีมโต้เก่งก็เพรสประมาณ 4 เพื่อเน้นชัวร์ แต่ถ้าเจอทีมที่มั่นใจว่าข่มแน่ ก็เพรส 5 เพื่อแย่งบอลกลับมาให้เร็วที่สุด แต่ไม่ว่ายังไงจะต้องมีกลางรับห้อยขั้นต่ำ 1 คน คือจะไม่ปล่อยให้กลางโบ๋เด็ดขาด
พอทีมแย่งบอลเก่ง + ระวังเกมโต้กลับได้ดีแบบนี้ มันเลยทำให้เฟเยนูร์ดโดนคู่ต่อสู้ล่อเป้าน้อยสุดในลีกเลย เฉลี่ยคือโดนลุ้นยิงแค่นัดละ 7.7 ครั้ง
ส่วนวิธีการขึ้นเกมรุกผมเจอ 2 แบบเหมือนกัน เพราะดูฟูลแมตช์มา 2 นัด วิธีการเล่นไม่เหมือนกัน แบบแรกคือขึ้นเกมด้วยฐาน 5 ไอเดียคือสั่งให้มิดฟิลด์อย่างทิมเบอร์ดันสูงไปเล่นเกมรุก แล้วทิ้งเวียฟเฟอร์ไว้ข้างหลัง จากนั้นจะสั่งให้ฟูลแบ็ก 2 ข้างหุบเข้ามาช่วยเวียฟเฟอร์ส่งบอล เพื่อไม่ให้โดดเดี่ยวเกินไป
แล้วเมื่อรวมกับ 2 เซนเตอร์ที่ต้องขึ้นเกมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว จะรวมเป็นบิวด์อัพ 5 คน ซึ่งสถิติบอกว่า 2 เซนเตอร์ 2 ฟูลแบ็ก และมิดฟิลด์อย่างเวียฟเฟอร์ คือคนที่ส่งบอลเฉลี่ยต่อเกมเยอะสุดเฟเยนูร์ด
หากเปรียบกับนักเตะลิเวอร์พูล ตอนบุกเราอาจได้เห็น เทรนต์ และร็อบโบ้ หุบเข้ามาช่วยเอ็นโดขึ้นเกม โดยมีข้างหลังเป็นฟานไดค์กับโกนาเต้ ส่วนด้านบนแม็คอัลลิสเตอร์จะดันสูงไปช่วยโซโบ้ปั้นตรงกลาง ด้านข้างเป็นดิอาซกับซาลาห์ และกองหน้าเป็นนูนเญซ หรือไม่ก็ซื้อคนใหม่ที่คมกว่าเดิมมาแทนที่
อีกแบบที่เล่น คือไม่ต้องใช้แบ็กหุบใน ใช้แบ็กดันสูงไปเลย ลดฐานขึ้นเกมจาก 5 เหลือแค่ 3 โดยใช้แค่เวียฟเฟอร์กับเซนเตอร์ 2 คนก็พอ จากนั้นแบ็ก 2 ข้างจะลอยสูงเต็มตัวเพื่อเปิดโอกาสให้ปีก 2 ข้างหุบมาลุ้นทำประตูด้านใน
เปรียบกับลิเวอร์พูล เอ็นโด ฟานไดค์ และโกนาเต้ จะอยู่ข้างหลังแค่ 3 คน คู่กลางเป็นแม็คอัลลิสเตอร์กับโซโบ้ ปีกซ้ายเป็นโรเบิร์ตสัน ปีกขวาเป็นเทรนต์ แล้วมีกองหน้า 3 คนคือ ดิอาซ, นูนเญซ และซาลาห์
นี่คือสไตล์การเล่นเบื้องต้นที่ผมสรุปมาให้ ซึ่งมันพอเข้าใจว่า นักเตะลิเวอร์พูลไม่น่าจะต้องปรับตัวเยอะ ต่างกับของอโมริมที่ถ้าเล่น 3-4-3 เราก็เกิดความสงสัยว่า เทรนต์จะเล่นวิงแบ็กได้ไหม? 3 เซนเตอร์จะเป็นใคร? JK ซื้อกลางมาให้ใหม่อย่างเยอะ แต่เอาลงได้แค่ 2 คน มันจะมีปัญหาหรือเปล่า?
ปรัชญาของสล็อตไม่ได้ต่างกับอโมริม แต่แค่นักเตะลิเวอร์พูลคงปรับตัวกับแผนหลัง 4 ได้ไวกว่า นอกจากนี้ สล็อตเองก็ไม่ได้ทิ้งแคแรกเตอร์บอลบุก + บ้าเพรสซิ่งแบบคล็อปป์ด้วย ทำให้พอเข้าใจว่าทำไมลิเวอร์พูลเลือกโค้ชคนนี้
อย่าเพิ่งรีบไปบูลลี่ หรือรีบไปตั้งข้อสงสัยไวเกินไป ลองให้โอกาสได้คุมหน่อยก็ไม่เสียหาย
ถ้าปังก็ถือว่า ไมเคิ่ล เอ็ดเวิร์ดส์ และริชาร์ด ฮิวจ์ส เลือกคนได้ดี ใช้งานโค้ชคนนี้ไปยาวๆ แต่ถ้าไม่ปังขึ้นมา พวกเขายังมีโอกาสกลับไปล่าอลอนโซ่อีกรอบในปีหน้า
- Petr Boat -
